เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก สส.ฯ พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษฯ พ.ต.อ.เชิดศักดิ์ รอดเข็ม ผกก.สส.2 บก.สส.ภ.7 นำกำลังร่วมกันจับกุมนายพงษ์ศักดิ์ รัตนประเสริฐ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ จ. 50/2564 ลงวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2564 กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง ฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ที่หน้าบ้านเลขที่ 529/27 ตำบลนครสวรรค์ตก อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์
พล.ต.ต.นพศิลป์กล่าวว่า ผู้ต้องหามีพฤติกรรมเปิดบัญชีเฟซบุ๊กหลอกรับทำกรงสุนัขตามสั่งผ่านทางสื่อออนไลน์ จนมีชื่อติดแบล็กลิสต์บัญชีคนโกง (https://www.blacklistseller.com/report/report_preview/73083) ในสื่อโซเชียล โดยจะใช้บัญชีเพซบุ๊กบัญชีชื่อ “กรงสุนัขกัลวาไนซ์&สแตนเลส รับทำกรงสุนัข ขนาดตามสั่ง Animal cage”, ชื่อบัญชี “ช่างอุ๋ย กัลวาไนซ์&สแตนเลส รับทำกรงสุนัข ขนาดตามสั่ง Animal cage” เมื่อมีผู้สนใจสั่งทำก็จะทำการแชตพูดคุย ตกลงราคา โดยคิดราคาตามขนาดที่ลูกค้าต้องการ เช่น ราคากรงละ 15,000 บาท เมื่อผู้เสียหายตกลงที่จะสั่งทำ ผู้ต้องหาจะให้ผู้เสียหายวางเงินมัดจำ ครั้งแรก จำนวน 3,000 บาท โอนเข้าบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชี น.ส.ปาริชาติ เพ็งนาค เป็นบัญชีแฟนของผู้ต้องหา จากนั้นมีการติดต่อผู้เสียหายเพื่อให้โอนเงินค่าทำกรงสุนัขเพิ่มเติมอีก 2-3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 3,000-4,000 บาท
พล.ต.ต.นพศิลป์กล่าวอีกว่า หลังจากที่ผู้ต้องหาได้เงินค่ามัดจำจากผู้เสียหายแล้ว ผู้ต้องหาก็ไม่ได้แจ้งความคืบหน้าในการทำกรงสุนัขให้แก่ผู้เสียหายทราบแต่อย่างใด เมื่อผู้เสียหายทวงถามบ่อยผู้ต้องหาก็จะทำทีถ่ายภาพกรงสุนัขที่ทำเสร็จแล้วให้ดู แต่ไม่ได้มีการส่งกรงสุนัขให้แก่ผู้เสียหายทันตามกำหนดเวลาแต่อย่างใด สอบสวนผู้ต้องหาให้การว่าที่ก่อเหตุดังกล่าวเนื่องจากเงินทุนหมุนเวียนในการนำไปซื้อวัสดุมาทำกรงสุนัขไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถทำกรงสุนัขให้เสร็จได้ทันตามกำหนดเวลาที่ตกลงไว้กับลูกค้า โดยตนเองจำได้ว่าเริ่มมีการผิดนัดตกลงส่งงานกับลูกค้าตั้งแต่ประมาณกลางปี พ.ศ.2563 และจำไม่ได้ว่าทำมาแล้วกี่ราย เป็นยอดเงินประมาณเท่าไหร่ โดยในการถูกจับกุมตัวครั้งนี้ผู้ต้องหาให้การว่ารู้สึกสำนึกในความผิดที่ได้กระทำต่อผู้เสียหาย ปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพแต่อย่างใด เนื่องจากต้องหลบซ่อนตัวจากการถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุม นำส่ง พงส.สภ.เมืองสุพรรณบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
