กลุ่มร้านอาหาร-แอลกอฮอล์ ลุ้นมติ ศบค. 29 ต.ค. ผ่อนคลายดริงก์

นายธนากร คุปตจิตต์ เลขาธิการสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย (TABBA) เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับทั้งประธานหอการค้าไทย และประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่ควรเปิดจำหน่ายและให้นั่งดื่มเครื่องดื่มแฮลกอฮอลล์พร้อมกับการเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน และระยะแรกไม่ได้เปิดให้ดื่มเครื่องดื่มแฮลกอฮอลล์แบบเสรี แต่ควรกำหนดโซนหรือจุดนั่งดื่มที่สอดคล้องกับเปิดรับนักท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ห้องอาหารหรือภัตตาคาร หรือ แหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนกลางคืนที่เป็นแหล่งรวมของนักท่องเที่ยว เป็นต้น โดยใช้มาตรการเข้มงวดตามหลักเกณฑ์ด้านสาธารณสุข ทั้งผู้ให้บริการ และผู้รับบริการ ต้องปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด เช่น แสดงการฉีดวัคซีนได้ครบ 2 โดส ผ่านการตรวจชุดATK ผู้ให้บริการสวมแมสตลอดเวลา เป็นต้น ซึ่งตอนนี้ไทยต้องแข่งกับประเทศต่างๆที่เริ่มเปิดประเทศแล้ว ถ้าไทยช้ากว่า หรือมีอุปสรรคการเข้าประเทศมากกว่า นักท่องเที่ยวก็จะไปที่อื่น และโดยปกติ 80% นักท่องเที่ยวต้องการทั้งการพัก กิน และดื่มเพื่อความบันเทิงไปพร้อมกัน ซึ่งเป็นช่วงพักผ่อนและท่องเที่ยวในช่วงเวลากลางคืนเป็นหลัก อาทิ อังกฤษเปิดให้ใช้ชีวิตปกติ ตังเลขติดเชื้อโควิดสูง3-4 หมื่นคนต่อวัน แต่การเสียชีวิตต่ำหลัก 10 เขาจึงมองว่าโควิดเป็นเหมือนเชื้อประจำถิ่นอย่างไข้หวัดใหญ่ ไม่ได้หมดไปเลยแม้หลายฝ่ายมองถึงปี 2566 ผมก็ว่ายังอยู่ เพียงแค่ติดแล้วรักษาได้ไม่เสียชีวิต และการป้องกันอย่างเข้มงวดก็จะช่วยการแพร่ระบาดหมดลงหรือหมดไป

” การทำธุรกิจหากจะเปิดบริการหลังจากหยุดมานาน ก็ต้องใช้เวลาในการเตรียม ทั้งจำนวนพนักงาน ปริมาณสินค้า ประเมินการเข้าใช้บริการ กำหนดพื้นที่ที่เหมาะสม ซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้องก็ต้องเตรียมพร้อมด้วย เป็นต้น หากอนุญาตให้เปิดขายหรือดื่มแล้ว ก็สามารถประเมินผลจากนั้นทุก 7-14 วัน เพื่อดูถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและอะไรที่ต้องแก้ไข ก็ปรับกันไป ซึ่งเชื่อว่ากว่าจะธุรกิจจะเดินหน้าก็ต้องใช้เวลาหลังเปิด 1-2 สัปดาห์ ก็กลางเดือนพฤศจิกายนพอดี พอธันวาคมก่อนถึงปีใหม่ ก็เป็นช่วงหน้าขาย การทำธุรกิจและปัญหาจะเหลือน้อยสุดหรือหมดไป ซึ่งเรื่องนี้สมาคมด้านบริการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ภัตตาคาร ร้านอาหาร สถานบันเทิง ผับ บาร์ เครื่องดื่ม กำลังรวบรวมความเห็นและข้อเสนอ เพื่อยื่นต่อศบค. และ นายกรัฐมนตรี โดยรอดูความชัดเจนของผลประชุมศบค.ชุดใหญ่ปลายสัปดาห์นี้ก่อน หากยังไม่ได้ผ่อนคลาย ก็จะยื่นเรื่องในสัปดาห์หน้า รอให้คลายล็อกมาตรการดริงก์ก่อน 1 ธันวาคม ซึ่งการเปิดธุรกิจต้องสอดคล้องในเรื่องเวลา สถานการณ์ และแผนชัดเจน ที่เหมาะสม ซึ่งไทยก็มีความพร้อมแล้ว ” นายธนากร กล่าว
นายธนากร กล่าวต่อว่า จากที่ได้สำรวจผู้ประกอบการภาคบริการ ทุกรายเสนอที่จะรับผิดชอบเรื่องการจัดหาชุดตรวจATK ที่มีคุณภาพและราคาไม่สูงประมาณ 40 บาทต่อชุด เพื่อเตรียมให้ผู้เข้าใช้บริการได้ตรวจเช็คก่อนเข้าพื้นที่หรือเข้าใช้บริการ พร้อมกับหนุนการแสดงข้อมูลการฉีดวัคซีน ซึ่งที่ภาคเอกชนเป็นห่วงและอยากรัฐดูแลเป็นพิเศษลดการแพร่เชื้อ คือ กลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าไทย ที่พบว่าเมื่อตรวจจับได้และตรวจหาเชื้อก็จะพบการติดเชื้อกว่า 20% อีกทั้งกลุ่มที่มีค่านิยมประจำถิ่นที่มีการใช้ชีวิตประจำแบบรวมกันและใกล้ชิดทั้งการทาน การอยู่ร่วมกัน และอีกปัญหาคือ ข่าวปลอมหรือแฟคนิวมักเกิดขึ้นส่งผลต่อจิตวิทยาความกังวลต่อการใช้จ่ายและเดินทางท่องเที่ยว ส่วนภาคเอกชนถึงวันนี้เชื่อว่าทุกรายเตรียมพร้อมเปิดประเทศ เปิดกิจการในเดือนพฤศจิกายน เพื่อเป็นแรงส่งต่อการเปิดกิจการได้ตามปกติในเทศกาลต่างๆ ถ้าปีใหม่ผ่านไปด้วยดี ก็จส่งผลถึงเทศกาลตรุษจีน หรือ สงกรานต์ ที่จะได้ค้าขายได้ตามปกติ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image