‘เศรษฐพงค์’แนะปรับตัวรับมือ5G รัฐต้องปลดล็อกให้เกิดธุรกิจใหม่

‘เศรษฐพงค์’ชี้ทุกภาคส่วนต้องปรับตัว-เปลี่ยนบทบาทรับมือเทคโนโลยี 5G ภาครัฐต้องปลดล็อกให้เกิดธุรกิจใหม่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แนะให้โอกาสคนรุ่นใหม่สร้างธุรกิจผ่าน Start Up เป็นพื้นฐานอนาคตของประเทศไทย

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กมธ.ดีอีเอส) กล่าวในงาน Redefine Businesses with 5G Forum 2021 ในหัวข้อ “ขับเคลื่อน 5G ในไทยอย่างยั่งยืน” ว่า การขับเคลื่อนระบบ 5G ในประเทศไทย ให้ส่งผลอย่างยั่งยืนนั้น จะต้องมาดูในหลายๆมิติ ต้องมีความเข้าใจระบบ 5G ก่อน ข้อมูลที่รวดเร็วขึ้นการสื่อสารที่ดีขึ้นไม่ใช่สิ่งสำคัญแล้ว เพราะระบบสื่อสารได้เปลี่ยนมุมมองใหม่ เข้าสู่โลกแห่งการวิเคราะห์ เมื่อการวิเคราะห์มีความซับซ้อนมากขึ้น มีความฉลาดมากขึ้น จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เช่น ในองค์กรต่างๆ การทำงานของผู้คน การใช้ชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงในทศวรรษนี้ 5G ไม่ใช่แค่การบวกเพิ่มจาก 4G ขึ้นมาอีก 1G เท่านั้น เนื่องจาก 5G ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของเซ็นเซอร์นับพันล้านชิ้นทั่วโลกสามารถเชื่อมต่อกันได้ ทำให้ระบบอัตโนมัติเกิดขึ้น ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI จะเข้ามาช่วยวิเคราะห์ในการคาดการณ์อนาคตมากขึ้น ดังนั้นระบบ 5G จึงไม่เหมือนระบบ 3G หรือ 4G

พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวอีกว่า สำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของระบบ 5G ในขณะนี้ผู้ประกอบการระบบโทรคมนาคม ก็ไม่ใช่แค่ผู้ที่สร้างระบบสื่อสารให้ประชาชนเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่ได้เปลี่ยนบทบาทไป ถ้าจะขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพและสัมพันธ์กับการพัฒนาประเทศนั้น ผู้ให้บริการจะต้องเป็นผู้ให้คำปรึกษา มีการเชื่อมโยงองค์กรไปยังองค์กรอัตโนมัติได้ และให้คำปรึกษาในการเปลี่ยนผ่านให้กับองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ผู้ที่ผลิตอุปกรณ์ก็ต้องเปลี่ยนบทบาทเช่นกัน ในการเข้ามาช่วยผู้ให้บริการ สามารถมีอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย สอดคล้องกับโลกในอนาคตด้วย รวมทั้งสถานที่ทำงานก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย ดังนั้น ในส่วนนี้ทั้งหมดจะต้องมีการพูดคุยกันและเป็นผู้ให้คำปรึกษาทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะทำดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ สำหรับ กสทช. และกระทรวงดิจิทัล ต้องพยายามที่จะไม่กำหนดกฎเกณฑ์ที่บังคับจนเกินไปจนทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนเทคโนโลยีได้ สิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่ง การกำกับดูแลต้องเอื้ออำนวยต่อการพัฒนาประเทศ พัฒนาระบบเศรษฐกิจ ทำให้ระบบทั้งภาคธุรกิจและภาครัฐประสานสอดคล้องกันไปได้ เดินไปข้างหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ

พ.อ.เศรษฐพงค์ ยังกล่าวอีกว่า 5G ต้องอาศัยระบบคลาว ซึ่งประเทศไทยมีความโชคดี ที่ที่ตั้งของเราเหมาะสมและเอื้อต่อการพัฒนา ดังนั้น EEC จะต้องมีการขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพจากกระทรวง และมีการส่งเสริมสนับสนุนที่เหมาะสมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันสร้างแหล่งรวมผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำให้ระบบนิเวศน์สอดคล้องใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะสามารถช่วยพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ๆให้กับประเทศ คนรุ่นใหม่จะเข้ามามีบทบาทในการเข้ามาช่วยเราคิดธุรกิจใหม่ๆ ดังนั้นภาครัฐจะต้องให้ความมั่นใจว่าเด็กๆและคนรุ่นใหม่เหล่านี้ จะสามารถสร้างธุรกิจผ่าน Start Up ใช้ระบบ 5G ได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสนับสนุนส่งเสริมเรื่องกองทุนต่างๆ

Advertisement

“ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไปอย่างรวดเร็วอย่างไรก็ตาม หากภาครัฐไม่สามารถปลดล็อกให้ภาคเอกชนเกิดการรวมตัวกันหรือทำให้เกิดการลงทุนได้อย่างง่าย หรือมีอุปสรรคมากเกินไปจนไม่สามารถลดกำแพงเหล่านั้นลงได้ ก็จะไม่ประสบความสำเร็จในการขับเคลื่อน 5G อย่างยั่งยืนในประเทศไทย ผมหวังว่าทุกท่านในอนาคตอันใกล้นี้ จะเข้ามาร่วมมือกันในรูปแบบของสภาหรือองค์กรเพื่อที่จะช่วยกันคิดต่อไปว่าเราจะก้าวต่อไปได้อย่างไร” พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image