สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย เซ็นเอ็มโอยู 11 มหา’ลัยดังพัฒนาการศึกษายกระดับองค์ความรู้
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ห้องประชุม 707 สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย นำโดย นายไพบูลย์ พนัสบดี นายกสมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย และนายอิศเรศ ประจิตต์มุทิตา อุปนายกสมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย จัดพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) มาตรการเชิงรุกเพื่อพัฒนาการศึกษาและยกระดับองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (TPA Education) โดยมี ดร.รัฐศาสตร์ กรสูต รองผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ร่วมกล่าวเปิดงาน
นายไพบูลย์ พนัสบดี นายกสมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย กล่าวว่า โครงการ “มาตรการเชิงรุกเพื่อพัฒนาการศึกษาและยกระดับองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (TPA Education)” ดังกล่าว ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญของการเริ่มต้นสร้างกลุ่มความร่วมมือ (Consortium) ระหว่างสมาคม ภาครัฐ และเอกชน ในการสร้างเครือข่าย และสัมพันธ์อันดีของสมาคมร่วมกับสาขา คณะ และมหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนา ยกระดับองค์ความรู้ทางการศึกษา ในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับนิสิตและนักศึกษา ให้ได้รับความช่วยเหลือ ให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะ ในการปรับปรุงหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) จัดกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ที่กำลังดำเนินอยู่หรือที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตร่วมกัน เป็นรากฐานทางการศึกษาที่ยั่งยืนในอนาคต เป็นก้าวแรกในการจัดกิจกรรม และดำเนินโครงการต่างๆ รวมถึงพัฒนาทักษะนักศึกษาในการฝึกงานกับบริษัทชั้นนำ บูรณาการทางการศึกษาเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ร่วมกันระหว่าง สาขา/คณะ และมหาวิทยาลัย และการนำพางานวิจัยคุณภาพเยี่ยมจากมหาวิทยาลัยชั้นนำต่างๆ ออกสู่การใช้งานจริงกับบริษัทเอกชนในเครือข่ายสมาคมด้วย เพื่อนำพาให้ประเทศเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป
ภายในงานเป็นการความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและวิทยาลัยรวม 11 แห่ง ได้แก่
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ
วิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ฯ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ
มหาวิทยาลัยสยาม
วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (สยามเทค)
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ)
นายไพบูลย์ นายกสมาคมฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทางสมาคมฯ มุ่งหวังที่จะสร้างศูนย์ผลิตโปรแกรมเมอร์จังหวัดละ 1ศูนย์ฯ ทุกจังหวัดให้มากที่สุด เพราะคนที่อยู่ต่างจังหวัดไม่ต้องเดินทางมาที่กรุงเทพฯ สามารถเรียนรู้ได้ที่ศูนย์โปรแกรมเมอร์ ณ จังหวัดนั้นๆ และถ้าบุคคลากรในประเทศไทยมีความรู้เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) จำนวนมาก เราก็จะมีกำลังพลต่อสู้ในเวทีโลกได้ ”