เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหาร และคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ปีนี้ กลับมาติดลบที่ -0.3% ทั้งที่ไตรมาส 3 ปีที่แล้ว เศรษฐกิจไทยติดลบหนักแล้วถึง -6.4% แต่ปีนี้แทนที่จะฟื้นกลับติดลบต่ออีก ซึ่งแสดงถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวได้ช้ามาก สาเหตุมาจาก พล.อ.ประยุทธ์เปิดๆ ปิดๆ ประเทศจนธุรกิจย่ำแย่กันหมด อีกทั้งการบริหารจัดการวัคซีนมีปัญหาอย่างมากแม้กระทั่งปัจจุบันปริมาณประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็ม ยังต่ำมากเพียง 54.9% เท่านั้น และแม้การส่งออกจะขยายตัวสูงแต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจของไทยฟื้นได้ซึ่งน่าเป็นห่วงมาก การขยายตัวเศรษฐกิจไทยติดลบในไตรมาสที่ 3 นี้ ทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายเต็มที่ประมาณ 1% เท่านั้นซึ่งต่ำมาก ประชาชนจะลำบากกันมาก
ทั้งนี้ ปัญหาราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะเป็นปัญหาหลักที่จะถ่วงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทย การลดราคาน้ำมันดีเซลโดยการลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเสนอ เป็นเรื่องที่ควรต้องดำเนินการและจะช้าจะเร็วถ้าราคาน้ำมันยังเป็นขาขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ก็จะต้องลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลอยู่แล้ว แต่ถ้าลดก่อนก็จะได้ใจประชาชนก่อน แต่ถ้าลดเมื่อราคาน้ำมันพุ่งขึ้นสูง ซึ่งจะเป็นความจำเป็นต้องลด ประชาชนจะไม่เห็นความดี เพราะจะถือเป็นหน้าที่และความจำเป็น
นอกจากนี้ จากการพยายามตรวจสอบความผิดปกติของการใช้เงินจากกองทุนในกระทรวงพลังงาน เป็นเงินหักค่าหัวจากค่าใช้จ่ายประชาชนนั้น การเข้าถึงข้อมูลเป็นไปได้ยาก สะท้อนถึงความไม่โปร่งใสการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลหรือไม่
นายพชรกล่าวว่า เงินจำนวนมากกว่า 20,087.42 ล้านบาท หากเป็นเช่นนั้นถือว่ารัฐเอาเปรียบประชาชน ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยได้ตั้งกระทู้ถาม รมว.พลังงาน แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน หากมีการโอนในลักษณะนี้ ในแบบที่โฆษกกระทรวงพลังงานออกมาชี้แจงว่าการโอนใช้ออกจากนอกกองทุนเป็นการทำผิดกฎหมาย ผิดวัตถุประสงค์ ก็ควรจะเอากลับมาช่วยประชาชนตาดำๆ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนส่งรถบรรทุก ที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจนต้องออกมาประท้วง เพราะถ้าธุรกิจขนส่งรถบรรทุกต้องขึ้นราคาค่าขนส่ง ราคาสินค้าจะต้องขึ้นราคากันอีก ประชาชนจะยิ่งลำบาก การที่ พล.อ.ประยุทธ์จะให้รถทหารมาขนสินค้าแทนรถบรรทุกที่จะหยุดวิ่งน่าจะเป็นเรื่องตลกมากกว่า
ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่รัฐบาลที่ดีจะต้องเข้าช่วยเหลือประชาชนเพื่อให้ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และขยายโอกาสตามแนวทางของพรรคเพื่อไทยที่สืบทอดเจตนารมณ์มาจากพรรคไทยรักไทย โดยหากเมื่อพรรคเพื่อไทยมีผู้นำคนรุ่นใหม่และมีโอกาสชนะการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยจะยืนยันจะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาท เพื่อลดรายจ่ายของประชาชน บางพรรคขาดความรู้ความเข้าใจหาเสียงยกเลิกภาษีสรรพสามิตน้ำมันซึ่งทำไม่ได้เพราะภาษีสรรพสามิตเป็นกฎหมายจึงอยากให้ศึกษาให้ดีก่อนพูด นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังจะมีอีกหลายนโยบายที่จะลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ให้กับประชาชนซึ่งจะทำได้จริง เหมือนที่ทำมาแล้วในอดีต ไม่ได้ขายฝันมั่วแบบบางพรรคที่ไม่ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้เลย ทั้งนโยบายดูแลราคาพืชผลการเกษตรที่ตอนนี้ราคาข้าวตกต่ำอย่างมาก นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท นโยบายมารดาประชารัฐ เป็นต้น หรือขายฝันในนโยบายที่ทำไม่ได้จริงเพราะประเทศไทยจะไม่มีเงินเพียงพอ เช่น รัฐสวัสดิการที่ต้องใช้เงินมหาศาลที่ไทยยังไม่พร้อม แค่หาเสียงจะจ่ายผู้สูงอายุเดือนละ 3,000 บาท ทราบหรือไม่ว่ายังต้องใช้เงินปีละกว่า 5 แสนล้านบาท สภาวะการคลังของประเทศในปัจจุบันที่หนี้สาธารณะพุ่งสูงจะไม่สามารถทำได้ พรรคเพื่อไทยจะต้องเข้าไปฟื้นเศรษฐกิจก่อนและจะเพิ่มสวัสดิการตามฐานะของประเทศซึ่งจะทำได้จริง และ อยากเห็นรัฐธรรมนูญที่ถูกแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตยและเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อประเทศนี้จะได้เดินหน้าต่อไปได้