เผยสหรัฐเตรียมส่ง วัคซีนโควิดหลายล้านโดส มากระจายฉีดให้ผู้ลี้ภัยชายแดนไทย-เมียนมา ผวาเกิดระบาดระลอกสี่ที่ย่างกุ้ง
เว็บไซต์ โพลิติโก รายงานเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมาโดยอ้างแหล่งข่าวที่ทราบเรื่องดี 2 รายว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (เจแอนด์เจ) จำนวนหลายล้านโดส กำลังถูกลำเลียงมายังพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ในราวเดือนธันวาคม เพื่อกระจายฉีดให้กับบรรดาผู้อพยพและผู้พลัดถิ่นภายในประเทศจากความขัดแย้งทางการเมืองในเมียนมา หลังจากการรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตามคำประกาศของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่รับปากจะจัดหาวัคซีนให้กับผู้คนในพื้นที่ขัดแย้ง
รายงานข่าวระบุว่า การลำเลียงวัคซีนจำนวนดังกล่าวจะดำเนินการผ่านโครงการแบ่งปันวัคซีน ที่มีความชำนาญพิเศษในการฉีดวัคซีนให้กับบุคคลในพื้นที่ที่เกิดความขัดแย้ง หรือในพื้นที่ซึ่งหน่วยงานรัฐไม่สามารถเข้าถึงได้ เพราะอยู่ในอิทธิพลของกลุ่มติดอาวุธ โดยโครงการดังกล่าวอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของโคแวกซ์ ซึ่งเป็นโครงการกระจายวัคซีนที่สหประชาชาติ(ยูเอ็น) สนับสนุน
แหล่งข่าวระบุกับโพลิติโกว่า ส่วนใหญ่ของวัคซีนเจแอนด์เจดังกล่าวจะส่งให้กับผู้ลี้ภัยในค่ายผู้ลี้ภัยต่างๆ ในบริเวณตะเข็บแนวชายแดน ซึ่งรวมทั้งชาวเมียนมาหลายหมื่นคนที่หลบหนีเข้ามาในพื้นที่หลังการรัฐประหารเมื่อต้นปี
ก่อนหน้านี้นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สหรัฐอเมริกาจะบริจาควัคซีนเจแอนด์เจ จำนวนหนึ่งเพื่อนมนุษยธรรม พร้อมๆ กับการเรียกร้องให้นานาประเทศเร่งบริจาควัคซีนให้กับชาติที่มีรายได้ต่ำและรายได้ปานกลาง และอำนวยความสะดวกให้กับการลำเลียงวัคซีนสู่พื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึงทั้งหลายทั่วโลก
รายงานข่าวระบุว่า รายละเอียดของแผนการลำเลียงวัคซีนครั้งนี้ยังคงอยู่ระหว่างการจัดทำขั้นตอนสุดท้าย และยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า จำนวนที่จะจัดส่งไปเป็นเท่าใด เช่นเดียวกับการที่ยังไม่รู้ว่า องค์กรใดจะทำหน้าที่ช่วยเหลือประสานงานในการฉีดวัคซีนในพื้นที่ แต่การกระจายวัคซีนเพื่อมนุษยธรรมครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้ว หลังจากโคแวกซ์ประกาศการช่วยเหลือทำนองเดียวกัน จำนวน 1.6 ล้านโดสให้กับผู้ลี้ภัยอัฟกันในประเทศอิหร่าน
รายงานข่าวระบุว่า นายบิล ริชาร์ดสัน อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำยูเอ็น มีส่วนช่วยให้โครงการนี้เป็นไปได้มากขึ้น หลังจากเดินทางเยือนเมียนมาเป็นการส่วนตัวเพื่อภารกิจด้านมนุษยธรรม โดยนายริชาร์ดสันเปิดเผยภารกิจในการเดินทางดังกล่าวว่า เพื่อหารือ และหาหนทางเร่งการจัดส่งวัคซีนโคแวกซ์สู่เมียนมา และหาหนทางบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกที่สี่ ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในเมียนมา
