พณ.เผยปัจจัยเด่น ทำให้ร้านโชห่วย คงอยู่รอดในทุกอำเภอทั่วไทย

นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เผยผลการสำรวจ ความคิดเห็นของประชาชนเดือนตุลาคม 2564 จำนวน 8,428 คน ในทุกอำเภอทั่วประเทศ โดยส่วนใหญ่มากกว่า 87% คิดว่าร้านโชห่วยมีความจำเป็นต่อการซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคสำหรับการดำรงชีวิต โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกร และผู้ที่มีรายได้ไม่สูงมากนัก ซึ่งจะซื้อสินค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ และค่อนข้างบ่อย ภายในวงเงินไม่เกิน 300 บาทต่อครั้ง ข้อดีของร้านโชห่วย คือ สะดวกในการเดินทาง ราคาถูก และมีสินค้าแบ่งขาย ขณะที่มีข้อบกพร่องที่ควรปรับปรุง คือ สินค้าไม่หลากหลาย สินค้า มีจำนวนน้อย การจัดวาง และความสะอาด รวมถึงการให้บริการ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการยกระดับร้านโชห่วย ของกระทรวงพาณิชย์ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ร้านค้าโชห่วยเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก และเป็นช่องทางในการลดค่าครองชีพให้กับผู้บริโภคในชุมชน

ทั้งในลงในรายละเอียดการสำรวจ ถามถึงความจำเป็นของร้านจำหน่ายสินค้า 87.53% คิดว่า ร้านโชห่วยมีความจำเป็น โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 78% ในทุกอาชีพ เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในภาคกลางมากที่สุด 91.75% และส่วนใหญ่มีรายได้ไม่สูงมากนัก ต่ำกว่า 30,000 บาท/เดือน ถึง 88.61% ขณะที่ความจำเป็นของร้านสะดวกซื้อ อยู่ที่88.02% และซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ อยู่ที่ 77.65% เมื่อถามถึง ร้านจำหน่ายสินค้าที่ผู้บริโภคนิยม พบว่า ร้านโชห่วยเป็นที่นิยมของผู้บริโภค รองลงมาคือจากร้านสะดวกซื้อที่ผู้บริโภคนิยมสุงสุด ซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ โดยผู้ที่นิยมซื้อสินค้าจากร้านโชห่วยส่วนใหญ่มีรายได้ต่ำกว่า 20,000 บาท/เดือน ถึง 83.07% เมื่อพิจารณารายอาชีพ พบว่า เกษตรกรนิยมซื้อสินค้าในร้านโชห่วยมากที่สุด และร้านโชห่วยได้รับความนิยมมากที่สุดในภาคเหนือ และได้รับความนิยมน้อยสุดในกรุงเทพและปริมณฑล เมื่อถามถึง จำนวนร้านจำหน่ายสินค้าแต่ละประเภทในชุมชน ส่วนใหญ่ คิดว่า ร้านโชห่วยมี 2 – 3 ร้าน/ชุมชน ร้านสะดวกซื้อมี 1-2 ร้าน/ชุมชน และซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่มี 1 ร้าน/ชุมชน ซึ่งการเข้าร้านโชห่วยและร้านสะดวกซื้อเป็นการซื้อสินค้าเล็กๆน้อยๆ ความถี่ในการซื้อสินค้าเฉลี่ย 2-3 วัน/สัปดาห์ ขณะที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่เฉลี่ยไม่เกินเดือนละครั้ง ค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าแต่ละครั้ง ไม่เกิน 300 บาท ขณะที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่300 บาทขึ้นไป

เมื่อถามถึงข้อดีของร้านโชห่วย/ร้านค้าชุมชน คือ สะดวกในการเดินทาง ราคาถูก มีสินค้าแบ่งขาย มีสินค้าที่ต้องการ ความไว้วางใจ/คุ้นเคย/ความสัมพันธ์ที่ดี สินค้ามีความหลากหลาย มีมาตรการของรัฐสนับสนุน เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ในชุมชน คุณภาพตรงตามความต้องการ มีสินเชื่อ ส่วนจุดบกพร่องของร้านโชห่วย/ร้านค้าชุมชน คือ สินค้าไม่หลากหลาย สินค้ามีจำนวนน้อย สินค้าใกล้หมดอายุ/หมดอายุ ชำระด้วยเงินสดเท่านั้น คุณภาพต่ำ ราคาแพง คิดเงินช้า ระบบคิวไม่ดี พูดจาไม่สุภาพ และไม่สามารถเลือกสินค้าด้วยตนเองได้ สิ่งที่ร้านโชห่วย/ร้านค้าชุมชนควรปรับปรุง อันดับแรกคือ เพิ่มความหลากหลายของสินค้า การจัดวางสินค้า ความสะอาด คุณภาพสินค้า การจัดโปรโมชั่น เพิ่มบริการส่งสินค้าถึงบ้าน

นายรณรงค์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้มีนโยบายผลักดันและส่งเสริมเพื่อยกระดับร้านค้าโชห่วย/ร้านค้าชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้บริโภคมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปอย่างมาก และการแข่งขันสูง กระทรวงพาณิชย์ จึงดำเนินการพัฒนาและส่งเสริมเพื่อยกระดับร้านค้าโชห่วย ผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการสร้างมาร์ทโชห่วย เป็นการพัฒนาร้านโชห่วยทันสมัย รวมทั้งส่งเสริมการตลาด ร่วมกับสมาคมการค้าส่ง – ปลีกไทย เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและธุรกิจที่เกี่ยวข้องให้เข้มแข็ง และยังมีส่วนช่วยลดค่าครองชีพให้กับผู้บริโภคได้ยั่งยืน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image