จบเป็นทางการ…จีนา เดวิส อดีตนางเอกดัง “หย่าสามีคนที่ 4 “ตกลงให้ลูกชายเปลี่ยนนามสกุล
นิตยสารพีเพิล อ้างเอกสารทางศาลระบุว่า จีนา เดวิส อดีตนางเอกฮอลลีวูดวัย 65 จากภาพยนตร์ดังเธลมา แอนด์ หลุยส์ (Thelma & Louise) และ นายแพทย์เรซา จาร์ราฮี ศัลยแพทย์ทางระบบประสาทวัย 50 ที่แต่งงานอยู่กินกันมา 17 ปี มีบุตรด้วยกัน 3 คนเป็นลูกสาววัย 19 ปี และลูกชายฝาแฝดวัย 17 ปี ได้หย่าขาดกันอย่างเป็นทางการแล้ว
ตามเอกสารทางกฎหมายที่ยื่นต่อศาลสูงแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ในนครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมระบุว่า ทั้งสองได้ตกลงกันว่าจะไม่เปิดเผยรายละเอียด ข้อตกลงในการหย่าให้บุคคลที่ 3 รู้ ทั้งยังตกลงจะเปลี่ยนนามสกุลของลูกชายทั้งสอง ซึ่งยังเป็นผู้เยาว์จาก เดวิส-จาร์ราฮี เหลือเพียง จาร์ราฮี เท่านั้น และใช้คำว่า “เดวิส” เป็นชื่อกลางของลูกชายทั้งสอง
พีเพิล อ้างข้อความในเอกสารทางกฎหมายที่ยื่นต่อศาลระบุว่า ทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อเดือนกันยายน ปี 2544 ต่อมาจาร์ราฮี เป็นฝ่ายยื่นฟ้องหย่าเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2561 หลังจากร่วมชีวิตคู่กันมา 17 ปี โดยอ้างเหตุผล ความแตกต่างที่ไม่สามารถปรับตัวเข้าหากันได้ และว่าได้แยกทางกันตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2560
ก่อนแต่งงานกับ นายแพทย์เรซา จาร์ราฮี จีนา เดวิส อดีตนางเอกที่มีไอคิวสูงถึง 140 เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว 3 ครั้ง เริ่มจากครั้งแรกกับ ริชาร์ด เอ็มโมโล เจ้าของภัตตาคารดังในนิวยอร์ก ที่แต่งงานกันปี 2525 แต่อยู่กันได้แค่ 1 ปีก็หย่ากันในปี 2526
ครั้งที่ 2 กับ เจฟฟ์ โกลด์บลูม นักแสดงร่วมวงการที่เคยร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่อง The Fly เมื่อปี 2529 จากนั้นทั้งสองได้ตกลงปลงใจแต่งงานกันปี 2530 แต่อยู่กันได้ 3 ปีก็หย่ากันในปี 2533
ครั้งที่ 3 กับ เรนนี ฮาร์ลิน ผู้กำกับชาวฟินแลนด์ ที่แต่งงานอยู่กินกันระหว่างปี 2536-2541
สำหรับการตัดสินใจแต่งงานครั้งที่ 4 เดวิสเคยให้สัมภาษณ์นิตยสารกู๊ด เฮาส์คีปปิ้ง เมื่อปี 2549 หลังจากใช้ชีวิตคู่กับคุณหมอสามีผ่านมา 5 ปีว่า “ฉันเคยพูดกับเรซาว่าคุณกำลังจะเป็นสามีคนที่ 4 ของผู้หญิงคนหนึ่ง คุณกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย? แต่สำหรับตัวฉันเอง ฉันไม่รู้สึกหวั่นกลัวอะไรเลย ฉันแค่รู้สึกมั่นใจว่าฉันได้หันตัวเองไปสู่อีกมุมหนึ่ง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่เป็นจริงและมั่นคงถาวร และฉันยังรู้สึกตื่นเต้นที่ได้รู้ว่าฉันกำลังจะแต่งงานกับคนที่ฉันสามารถทำอะไรประหลาดๆ ต่อหน้าเขา หรือเห็นแก่ตัว โดยที่ผู้ชายคนนี้จะไม่โวยวายแล้วเดินหนีออกไปจากห้อง หรือเอาเรื่องแค่นี้มาตัดสินตัวฉัน และฉันยังรู้สึกด้วยว่ามันเหมือนฉันได้ค้นพบทางเดินชีวิตที่ฉันจะใช้ชีวิตนับจากนี้ไป”
