พปชร.-3 ป. เขย่า ต่อเนื่อง เก้าอี้ นายกฯ

พปชร.-3 ป. เขย่า ต่อเนื่อง เก้าอี้ นายกฯ

ระยะหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความเคลื่อนไหวร่วมกันบ่อยครั้ง

หลังจากการประชุมรัฐสภาสมัยที่แล้วจบลง จวบจนถึงบัดนี้ดูเหมือนว่ารอยร้าวยังไม่สมาน

การลงมติการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนั้นกลายเป็นมูลเหตุที่ทำให้ 3 ป. เกิดความระแวงกัน

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ จากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย แบบสายฟ้าแลบ และมีความเคลื่อนไหวจะปลด ร.อ.ธรรมนัส ออกจากเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

Advertisement

พล.อ.ประวิตร ก็เริ่มแสดงอาการขุ่นเคือง

พล.อ.ประวิตร ไม่เล่นตามเกม พล.อ.ประยุทธ์ และยังคงให้ ร.อ.ธรรมนัส เป็นเลขาธิการพรรคเหมือนเดิม

กระทั่ง เกิดกระแสสะพัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อนุพงษ์ อาจไปตั้งพรรคการเมืองใหม่

Advertisement

แต่สุดท้ายทุกอย่างยังคงเป็นปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เหมือนดั่งว่า ความสัมพันธ์ 3 ป. ยังปึ้ก

ระยะหลัง พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.อนุพงษ์ ออกงานร่วมกันช่วงท้ายปีบ่อยขึ้น

พล.อ.ประวิตร แสดงความแนบแน่น พล.อ.ประยุทธ์ ถี่ขึ้น

ทั้งที่บอกว่า มีแต่ความตายเท่านั้นที่จะพราก พล.อ.ประวิตรจาก พล.อ.ประยุทธ์ ได้

และล่าสุด พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ลังเลตอกย้ำความสัมพันธ์ของ 3 ป.

3 ป. ฟอร์เอเวอร์

มองจากผิวน้ำ ดูเหมือน 3 ป.กำลังปรับตัว สมานความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น

แต่ความเป็นจริงแล้ว ทุกฝ่ายล้วนทราบว่า เก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีความเสี่ยง

เมื่อ ร.อ.ธรรมนัส ยังเป็นเลขาธิการพรรค ควบคุมเสียง ส.ส.ในพรรคที่สามารถเขย่าเก้าอี้นายกฯได้ตลอดเวลา

ทุกครั้งที่สภามีโหวต พล.อ.ประยุทธ์ ย่อมกังวล

แม้ระยะหลังมีข้อเสนอให้ พล.อ.ประวิตร ลดบทบาทของ ร.อ.ธรรมนัส ลงไป แต่เมื่อเวลาผ่านไป ดูเหมือนว่า การลดบทบาทของ ร.อ.ธรรมนัส ไม่ใช่เรื่องง่าย

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ต้องใช้งาน ร.อ.ธรรมนัส เพราะ ร.อ.ธรรมนัส ทำงานตอบสนองได้ถูกใจ

ยิ่งเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ 5 แกนนำ กปปส. พ้นจาก ส.ส.

ในจำนวนนี้มี ส.ส.เขต 2 คน คือ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา และ นายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร

ตามกฎกติกาต้องเลือกตั้งซ่อมภายใน 45 วัน

ขณะที่จังหวัดสงขลา และชุมพร เป็นพื้นที่ต่อสู้ทางการเมืองระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งพรรคภูมิใจไทย

พรรคประชาธิปัตย์ จำเป็นต้องรักษาแชมป์ ส่วนพรรคพลังประชารัฐ จำเป็นต้องทำแต้ม เพราะที่ผ่านมา พลังประชารัฐคว้าชัยในการเลือกตั้งซ่อมมาตลอด

การได้ชัยในพื้นที่จังหวัดสงขลา และชุมพร มีความสำคัญทางจิตวิทยา

สร้างความฮึกเหิมให้แก่พรรค

ดังนั้น การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สงขลา และ ชุมพร จึงสำคัญ

น่าสนใจตรงที่ ชัยชนะของพรรคพลังประชารัฐในสนามเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส มีส่วนผลักดันให้ประสบความสำเร็จ

แล้วเช่นนี้ พล.อ.ประวิตร จะทิ้ง ร.อ.ธรรมนัส ได้อย่างไร

นอกจากความเสี่ยงจากการเสนอกฎหมายเข้าสภา แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับการเป็นนายกรัฐมนตรีเกินกว่า 8 ปี

ในเดือนสิงหาคม 2565 หากนับเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ยึดอำนาจปี 2557

เท่ากับว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีเกินกว่า 8 ปี ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรวมกันแล้วไม่เกิน 8 ปี

แม้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การนับเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องเริ่มตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คือ ปี 2562 ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อไปได้

แต่มีเสียงแย้งว่า เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญต้องการให้นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งรวมกันไม่เกิน 8 ปี หาก พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อ น่าจะขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

เรื่องนี้ย่อมมีผู้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา

และนั่นคือความเสี่ยง

สําหรับ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น ยืนยันว่าตัวเองเป็นนักการเมือง และจะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปตามกฎหมายกำหนด

หมายความว่าจะอยู่ไปจนถึงปี 2566 ซึ่งครบวาระรัฐบาลชุดปัจจุบัน

แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ มีอันต้องหลุดจากตำแหน่ง กองเชียร์ของ พล.อ.ประวิตร มองว่า หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนี่แหละที่น่าจะได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

อย่างไรก็ตาม การนั่งบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องมีทั้ง ส.ส.สนับสนุน และมีภาพลักษณ์ที่ดี

กองเชียร์ พล.อ.ประวิตร จึงเกิดความเห็นต่างกันภายใน

ฝ่ายหนึ่ง มองว่า ต้องให้ พล.อ.ประวิตร ลดบทบาทของ ร.อ.ธรรมนัส ลง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำให้เกิดขึ้น

ปิดจุดอ่อนในการก้าวเข้าสู่ตำแหน่งนายกฯ

แต่อีกฝ่ายหนึ่ง กลับมองว่า ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้สร้างผลงานภาคสนาม สามารถช่วยให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯได้ การลดบทบาท ร.อ.ธรรมนัส จึงได้ไม่คุ้มเสีย

แม้แนวคิดที่แตกต่างกันนี้ยังไม่มีข้อสรุป แต่สักวันหนึ่งก็ต้องมีข้อสรุป

ไม่ว่าข้อสรุปจะออกมาเช่นไร ทุกประการย่อมหมายถึงการชู พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ

และการผลักไส พล.อ.ประยุทธ์ ให้พ้นตำแหน่ง

ดังนั้น แม้แนวคิดดังกล่าวยังเป็นคลื่นลูกเล็ก แต่เมื่อข่าวแพร่สะพัด พล.อ.ประยุทธ์ ย่อมต้องมองด้วยสายตาหวาดระแวง

ตราบใดที่พรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่เป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประยุทธ์ ย่อมมองพรรคพลังประชารัฐด้วยสายตาที่ไม่ไว้วางใจ

จึงไม่แปลกที่จวบจนถึงบัดนี้ กระแสก่อตั้งพรรคใหม่เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรียังดังกึกก้อง

ความเคลื่อนไหวพรรคการเมืองใหม่ ย่อมสร้างความสะเทือนให้แก่ พล.อ.ประวิตร เพราะ พล.อ.ประวิตร เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอยู่

เมื่อความรู้สึกหวาดระแวงเกิดขึ้น เมื่อความรู้สึกน้อยใจเกิดขึ้น

แม้ 3 ป.จะโชว์ปึ้ก แต่ผู้คนก็ยังไม่เชื่อว่าทั้ง 3 คนยังคงมีความกลมเกลียว

ในทางตรงกันข้าม กลับมองว่าความขัดแย้งยังคงมีอยู่

การเขย่าเก้าอี้นายกรัฐมนตรียังต้องมีต่อไป

มีต่อเนื่องไปจนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือทั้งสองฝ่ายจะยอมรับ

ยอมรับว่าไปต่อไม่ไหว

ยอมรับว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image