บทนำ : เลือกผู้ว่าฯกทม.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.จะมีขึ้นไม่เกินกลางปีหน้า พร้อมกับเลือกตั้ง ส.ก.ไปพร้อมกัน และยืนยันว่าไม่ได้ต้องการจะดึงอะไรทั้งสิ้น อะไรที่ปล่อยได้ก็ปล่อยหมด แต่สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรมันจะแก้ปัญหาต่างๆ ที่ค้างคาได้ ผู้ว่าฯคนใหม่ก็ต้องแก้ปัญหาตรงนี้ด้วย เหมือนที่ตนเองเข้ามา ก็มีปัญหาที่ต้องแก้ไขมากมาย มันก็ไม่ง่ายนักหรอก แต่ก็ต้องทำให้ได้นั่นคือคุณสมบัติของผู้ว่าฯกทม. ไม่ว่าใครก็ตามทำตามกฎหมายทุกประการอย่าบกพร่อง
ถือเป็นการยืนยันที่ชัดเจนมากขึ้นจากผู้นำรัฐบาล คำว่าไม่เกินกลางปีหน้า เท่ากับหมายถึงไม่เกินเดือน มิ.ย.ปี 2565 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวระบุว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. อาจจะมีขึ้นในเดือน มี.ค.2565 หรืออาจลากยาวถึงปลายปีภายหลังการประชุมเอเปค สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ครั้งสุดท้ายมีขึ้นเมื่อปี 2556 ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จากพรรคประชาธิปัตย์ ชนะ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จากพรรคเพื่อไทย เป็นสมัยที่สอง มีข่าวเกรียวกราวหลายเรื่อง วันที่ 25 ส.ค.2559 คสช.ใช้อำนาจมาตรา 44 สั่งให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ระงับปฏิบัติราชการ ต่อมา 18 ต.ค.2559 คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ให้พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้ง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นผู้ว่าฯกทม.
ชาว กทม.ไม่ได้เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.มาถึง 5 ปี สภาพดังกล่าวส่งผลอย่างไร เชื่อว่าชาว กทม.ทราบดี เรื่องที่น่าห่วงก็คือ กทม. เป็นเมืองหลวงของประเทศ เป็นมหานครที่มีประชากรจำนวนมาก เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นศูนย์กลางการบริหารงานทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม มีความเป็นเมืองใหญ่ที่ซับซ้อน จะต้องบริหารโดยบุคคลและระบบที่มีศักยภาพ ตั้งแต่ปี 2528 กทม.มีผู้ว่าฯจากเลือกตั้งมาบริหารงานโดยตลอด และรับมือความเติบโตของมหานครมาได้โดยตลอด ปีหน้า 2565 กทม.จะกลับมาอยู่ในระบบที่ผู้ว่าฯมาจากเลือกตั้งอีกครั้ง ชาว กทม.ควรไปใช้สิทธิและร่วมกันเสนอความเห็นต่อผู้บริหาร เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางการเติบโตของเมืองหลวงของประเทศแห่งนี้ต่อไป
