PEACE ผุดแบรนด์ใหม่จับจังหวะเศรษฐกิจฟื้น ทั้งนโยบายเปิดประเทศ-ผ่อนเกณฑ์ LTV ดันตลาดอสังหาฯคึกคัก

นายประสพศักดิ์ ศิริโสภณา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีซแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PEACE เปิดเผยว่า บริษัทฯเน้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ อาทิ บ้านเดี่ยวระดับสูง และทาวน์โฮมแบบ 2 ชั้น และ 3 ชั้น ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายใต้แบรนด์ “The Glamor” “Cordiz” และ “Cher” ล่าสุดได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่ ได้แก่ “Cherene” และ “CHEREA VICINITY” โดยโครงการออกแบบสไตล์โมเดิร์น เน้นบรรยากาศร่มรื่น สงบ มีความเป็นส่วนตัว เดินทางสะดวกสบาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ปรับการดำเนินชีวิตแบบนิว นอร์มอล หลักเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งคาดว่าหลังรัฐบาลมีนโยบายเปิดประเทศผลักดันให้เศรษฐกิจรวมขยายตัว และการผ่อนคลายมาตรการ LTV จะช่วยให้ตลาดอสังหาฯกลับมาคึกคักขึ้น ประชาชนตัดสินใจซื้อบ้านเพื่อการอยู่อาศัยแท้จริง เกิด Real Demand

“บริษัทฯ เป็นผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ มีประสบการณ์มากว่า 27 ปี โดยเริ่มต้นจากการพัฒนาโครงการสไตล์รีสอร์ทในจังหวัดกาญจนบุรี นำความร่มรื่นมาสู่ใจกลางเมืองด้วยการจัดการที่มีประสิทธิภาพ และหัวใจที่เข้าใจผู้บริโภคอย่างแท้จริง ภายใต้คอนเซปต์ Prosperous Living with PEACE เพื่อมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตเพียบพร้อมและสงบสุขแก่ผู้อยู่อาศัย ผ่านแนวทางดำเนินธุรกิจ เน้นการสร้างบ้านที่มีคุณภาพดีที่สุดสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่ม ในราคาที่เหมาะสม โดยให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพในทุกขั้นตอน มีการวางรากฐานนิติบุคคลหมู่บ้านให้แก่ลูกบ้านและมีบริการหลังการขาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้าน จากแนวคิดดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้รับความเชื่อถือ มีผลประกอบการสม่ำเสมอ และมีการบริหารพอร์ตสินค้าคงเหลือได้เป็นอย่างดี จึงสามารถขายบ้านและปิดการขายโครงการที่ผ่านมาได้ครบทั้งหมด”

นายโดม ศิริโสภณา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานการตลาดและการขาย (CMO) บริษัท พีซแอนด์ลีฟวิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นอย่างมาก โดยฝ่ายการตลาดและการขายจะทำการศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลภาวะอุตสาหกรรมและวิจัยตลาดอย่างสม่ำเสมอ (Market Research) เพื่อให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของภาวะอุตสาหกรรม สภาวะตลาด การแข่งขันในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต เพื่อเข้าถึงข้อมูลกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ความต้องการของผู้บริโภคและความเป็นไปได้ของโครงการ นอกจากนี้ หน่วยงานวิจัยตลาดจะทำการลงสำรวจพื้นที่เป้าหมายจริง รวมทั้งเก็บข้อมูลนำมาเป็นข้อมูลประกอบการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์และสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า และที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เริ่มใช้สื่อประชาสัมพันธ์รูปแบบใหม่ เช่น สื่อออนไลน์ Facebook บทความในเว็บไซต์เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง และกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ โครงการของ PEACE ได้พัฒนาและออกแบบบ้านที่ทันสมัยด้วยระบบสมาร์ทโฮม (Smart Home) ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ และระบบภายในบ้าน ผ่านแอพพลิเคชัน พัฒนาระบบบริหารนิติบุคคลบ้านจัดสรรแบบ Smart Community ช่วยให้ลูกบ้านสามารถจัดการการซ่อมแซมบ้านหรือแจ้งปัญหาต่างๆ ได้ผ่านแอพ รวมถึงศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยนำเทคโนโลยีการก่อสร้างแบบใหม่มาใช้เพื่อบริหารจัดการงานก่อสร้างและบริหารต้นทุนได้มีประสิทธิภาพเโดยเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าปิดการขายโครงการที่มีจำนวนยูนิตไม่เกิน 200 ยูนิต ภายใน 2-3 ปี และโครงการที่มีจำนวนยูนิตมากกว่า 200 ยูนิตขึ้นไป ภายใน 3-5 ปี จากปัจจุบันบริษัทมีการพัฒนาโครงการรวมทั้งสิ้น 25 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมกว่า 16,569 ล้านบาท โดย ณ 30 กันยายน 2564 บริษัทฯมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและโอนกรรมสิทธิ์ 7 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,717 ล้านบาท มียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) 600 ล้านบาท และมีแผนโครงการในอนาคต 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3,045 ล้านบาท

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image