ออสเตรเลียยิงพลุฉลองปีใหม่ อังกฤษ-ยุโรปยกเลิกงานเพราะโอมิครอน
เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานถึงการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งเริ่มต้นที่ภูมิภาคโอเชียเนีย ซึ่งจะเป็นพื้นที่ส่วนที่มีมนุษย์อยู่อาศัยที่จะเข้าสู่ปีใหม่เป็นที่แรกๆ ของโลก เมื่อเวลา 17.00 น.ตามเวลาในไทยของวันที่ 31 ธันวาคม โดยเริ่มต้นที่ดินแดนเกาะคริสตมาสและสาธารณรัฐคิริบาติ ซึ่งเป็นประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ต่อจากนั้นจะเป็น นิวซีแลนด์ ซึ่งขึ้นปีใหม่ในเวลา 18.00 น. และ ฟิจิ ในเวลา 19.00 น. เมื่อถึงเวลา 20.00 น.ของไทย ออสเตรเลียก็จะเข้าสู่ปีใหม่อย่างเป็นทางการ
การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะเชื้อกลายพันธุ์โอมิครอน ทำให้หลายประเทศต้องปรับเปลี่ยนหรือลดขนาดงานเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ แต่หลายประเทศในโอเชียเนียและเอเชีย ยังคงเดินหน้าจัดเทศกาลฉลองสำคัญของปีต่อไป เริ่มจากที่นิวซีแลนด์ นอกจากจะมีการจุดพลุเฉลิมฉลองแล้ว ผับ บาร์ ต่างๆ ในกรุงเวลลิงตัน, ออคแลนด์ และเมืองใหญ่อื่นๆ ยังเปิดให้บริการข้ามปีและมีการจุดพลุเฉลิมฉลองรับศกใหม่กันอย่างเต็มที่
ที่ออสเตรเลียก็มีการเฉลิงฉลองใหญ่เช่นเดียวกัน มีการจุดพลุฉลองปีใหม่กันที่บริเวณฮาเบอร์บริดจ์ ของนครซิดนีย์ เช่นเดียวกับในนครเมลเบิร์น โดย นอกจากจะมีการจำกัดจำนวนในบางพื้นที่แล้ว ผู้เข้าร่วมต้องผ่านการฉีดวัคซีนและต้องสวมหน้ากากป้องกันตลอดเวลาในหลายพื้นที่
ที่อินเดีย รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโอมิครอนในหลายรัฐ นอกจากนั้นยังห้ามการรวมตัวกันในช่วงเทศกาลปีใหม่ บาร์และภัตตาคาร เปิดในเวลาจำกัดและจำกัดจำนวนผู้เข้าใช้บริการ
ในขณะที่ฮ่องกงยังอนุญาตให้จัดงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ได้ โดยมีการแสดงออเครสตรา, การร้องเพลงและวงบอยแบนด์ได้ แต่จำกัดผู้เข้าร่วมเพียงไม่เกิน 3,000 คน
การระบาดของโอมิครอนทำให้เทศกาลปีใหม่ในอังกฤษและภาคพื้นยุโรปหงอยเหงาเป็นพิเศษ ทางการกรุงลอนดอนเพิ่งประกาศยกเลิกงานปีใหม่ที่ทราฟัลการ์ สแควร์ ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจากที่เคยเตรียมใช้เป็นงานทดแทนการจุดพลุ ดอกไม้ไฟฉลองเทศกาลปีใหม่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ซึ่งถูกยกเลิกไปก่อนหน้านี้ คงอนุญาตให้มีการฉลองเป็นกลุ่มเล็กๆใน ผับและไนท์คลับในอังกฤษ ในขณะที่ในสก็อตแลนด์, ไอร์แลนด์เหนือและเวลส์ ผับและไนท์คลับต้องปิดทั้งหมด
ในยุโรป ฝรั่งเศสยกเลิกงานฉลองด้วยพลุและดอกไม้ไฟในย่านช็องเซลิเซส์ในปีนี้ ในขณะที่เยอรมนีอนุญาตให้รวมตัวกันในที่สาธารณะเพื่อฉลองปีใหม่ด้วยกันไม่เกิน 10 คน ห้ามจุดพลุดอกไม้ไฟทั้งในเบอร์ลินและเมืองใหญ่อื่นๆ ส่วนที่อิตาลีห้ามการเฉลิมฉลองทั้งหมด ห้ามจัดคอนเสิร์ตและปิดผับ บาร์ ไนท์คลับไปจนถึง 31 มกราคม ในกรีซยกเลิกงานแสดงดอกไม้ไฟทั้งหมดรวมทั้งที่โบราณสถานชื่อดัง อtโครโพลิส
งานฉลองนับถอยหลังต้อนรับปีใหม่ที่ไทมส์สแควร์ด้วยการปล่อยคริสตัลบอลในนครนิวยอร์ก ยังคงเดินหน้าต่อไป แต่จำกัดผู้เข้าร่วม รวมทั้งกำหนดให้ต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนและสวมหน้ากากป้องกัน แต่ที่ยังคงจัดเป็นงานใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมือง ก็คือ งานเทศกาลดอกไม้ไฟฉลองปีใหม่ที่นครชิคาโก นอกจากนั้นยังมีการฉลองขนาดย่อมลงมาที่ลาสเวกัส อีกด้วย
