สตม.จับชายชาวฮังการีหนีซุกไทย คดีฉ้อโกงเงินประกันกว่า 42 ล้านบาท วีซ่าหมดอายุกว่า 10 ปี 

เมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. ร่วมแถลงผลการจับกุม นายลาจอส อายุ 48 ปี ชาวฮังการี ในข้อหา “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” โดยสามารถจับกุมได้ที่คอนโดมิเนียมย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม.ได้รับแจ้งจากสายลับว่า พบเห็นชายชาวต่างชาติมีตำหนิรูปพรรณคล้ายกับผู้ต้องหาตามประกาศทางเว็บไชต์ของตำรวจประเทศฮังการี ชื่อนายลาจอส ซึ่งกระทำความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร และฉ้อโกงเงินประกันภัย ที่ย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. จึงประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตฮังการีประจำประเทศไทย รับแจ้งว่า นายลาจอสเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ทางการประเทศฮังการีต้องการตัว

จากการตรวจสอบพบว่า นายลาจอสเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2553 ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว 60 วัน ได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยถึงวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 ซึ่งนายลาจอสได้อยู่ในประเทศไทยเกินกำหนดเป็นจำนวน 4,254 วัน นอกจากนี้ ยังพบว่ากองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหนังสือ ที่ 0002.4/4127 ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2555 แจ้งว่า นายลาจอสเป็นผู้ต้องหาที่ทางการฮังการีต้องการตัวตามหมายจับของศาลฮังการีในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสาร และฉ้อโกงเงินประกันภัย เป็นเงินจำนวน 401,394,145 โฟรินต์ฮังการี หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 42 ล้านบาท

ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบสวนจนทราบว่า นายลาจอสพักอาศัยอยู่ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งในย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ จึงทำการตรวจสอบ เมื่อพบนายลาจอสจึงทำการจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

Advertisement

พล.ต.ต.อาชยนเปิดเผยถึงการปราบปรามการลักลอบขนแรงงานหลบหนีเข้าเมืองว่า ในช่วงวันที่ 1-16 มกราคมที่ผ่านมา สตม.ได้ร่วมกับทางตำรวจภูธรจับกุมแรงงานที่ลักลอบเข้ามาในประเทศ 3,430 คน นอกจากนี้ ได้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อทำการรับตัวผู้ต้องกักที่ส่งมาจากทั่วประเทศเป็นเวลา 14 วัน เพื่อคัดกรองการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อนที่จะนำตัวส่งไปยังห้องกักในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยใช้โรงพยาบาลสนามชั่วคราวของ สตม.ที่บางเขน เบื้องต้นสามารถรองรับได้ 200 คน ขณะนี้มีผู้ต้องกักประมาณ 130 คน ยังไม่พบผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image