แกะรอยทีมสืบสวนปากน้ำปิดตำนานตีนแมว 100 ล้าน กล้อง CCTV นำจับ ‘พร ทุ่งใหญ่’

ผู้เสียหายวัย 65 ปี บ้านพักอยู่ซอยพุทธบูชา 36 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ แจ้งความว่า เวลา 02.00 น.คืนวันที่ 10 พฤษภาคม ถูกคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์สินราคาตั้งแต่ 100,000 บาท 1,000,000 บาท รวม 14 รายการ และเงินสดอีก 100,000 บาท พร้อมให้หลักฐานบางอย่างไว้ และมีเหตุในพื้นที่ สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ วันที่ 12 ธันวาคม เวลา 01.30 น. ได้ทรัพย์สินรวมมูลค่า 300,000 บาท

หลังรับแจ้งตำรวจ สน.ราษฎร์บูรณะ ออกค้นหาพยานหลักฐาน กระทั่งพบภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นคนร้ายขับรถยนต์มา แต่ระบุตัวตนคนก่อเหตุไม่ได้เนื่องจากแสงสว่างไม่พอ ซอยพุทธบูชา ถนนพระราม 2 ถนนสุขสวัสดิ์ (ขาออก) คลองปลากด เขต จ.สมุทรปราการ ก่อนภาพวงจรปิดปรากฏภาพชายคนร้ายอีกครั้งที่กล้องวงจรปิดโรงงานแห่งหนึ่ง หลังเดินลอดข้ามคลองก่อนขึ้นรถอีกครั้ง และขับวนขึ้นทางด่วนสะพานภูมิพลมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ ทะเบียนรถยนต์ถูกตรวจสอบข้อมูลแจ้งกลับว่าทะเบียนปลอม ไม่ตรงกับรถยนต์คันก่อเหตุ

เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติรวบรวมเบาะแสลักษณะพฤติกรรมคนร้ายที่มีความสลับซับซ้อนกับ สภ.พระประแดง ต่อมา พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เอาข้อมูลพฤติกรรมก่อเหตุทั้งสองเคสมาเป็นจุดเริ่มต้นในการแกะรอยย้อนกลับไปยังวงจรชีวิตการก่อเหตุของคนร้าย เพื่อนำมาวิเคราะห์และพิสูจน์ทราบตัวบุคคลในแต่ละเคสที่คนร้ายออกไปก่อเหตุ

พ.ต.อ.โชติวัฒน์สั่งการให้ทีมสืบลงพื้นที่ทั้งหมดแกะรอยทันที หมายล่า ”คนร้าย” แม้ความหวังริบหรี่เต็มที โดยคนร้ายจะใช้รถที่มีการอำพรางอย่างดี และมีการอำพรางตัวไว้ตลอด

Advertisement

เรื่องเทคนิคการสืบสวน ผู้กำกับเดียร์ พ.ต.อ.ภูริส จินตรานันท์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เจ้าของโครงการอบรมเสริมเขี้ยวเล็บนักสืบปากน้ำ มองเห็นอนาคต รองออย พ.ต.ท.ธนกฤต รวยอารี รอง ผกก.สส.สภ.พระประแดง นายตำรวจหนุ่มอยากเรียนรู้จึงนำเคสนี้มาศึกษาเพื่อวางแนวทางในการสืบสวน

จากหลักฐานรถยนต์เก๋งฮอนด้า ซีวิค สีทอง ปรากฏในกล้องวงจรปิด พื้นที่ สน.ราษฎร์บูรณะ และโตโยต้า ยาริส ในพื้นที่ สภ.พระประแดง เป็นรถที่คนร้ายนำมาใช้ก่อเหตุ

พ.ต.อ.โชติวัฒน์เรียกตำรวจตั้งแต่ระดับชั้นประทวน รองผู้กำกับการสืบสวนแต่ละโรงพัก ผู้กำกับการสืบสวนจังหวัด แล้วรวบรวมวิทยากรที่มีองค์ความรู้มาถ่ายทอดให้เกิดความมั่นใจการทำงานเป็นทีม ละลายพฤติกรรมพูดคุยกันจนมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของทีมงาน ลงพื้นที่ดูที่เกิดเหตุด้วยกัน ติดตามดูร่องรอยคนร้าย

Advertisement

การแกะรอยพฤติกรรมก่อเหตุแบบวัดดวงของคนร้ายทำงานกันเป็นทีม มีความชำนาญในการเลือกบ้านเลือกเหยื่อที่ไม่มีกล้อง ไม่มีลูกกรงเหล็กดัด ไม่มีสุนัข ไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน การลงไปทำงานแต่ละครั้งจะไม่ลงจากรถ จะคอยขับรถวนหลายรอบเพื่อตรวจสอบความแน่ใจก่อนที่จะก่อเหตุ ถ้าเป็นบ้านหลังใหญ่จะไปกันหลายคน หลังเล็กก็จะไป 2-3 คน แต่โดยรวมมักจะใช้วิธีการตระเวนในช่วงเวลาประมาณหลังเที่ยงคืนจนถึงประมาณ 04.00 น.ทุกครั้ง

ทีมงานสืบสวนรวบรวมเบาะแสลักษณะพฤติกรรมของคนร้าย ซึ่งมีความสลับซับซ้อนเปลี่ยนทะเบียนรถ ใช้รถสลับแล้วทิ้งรถที่ก่อเหตุไว้ในจุดที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้คน รวมถึงแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตกันเป็นปกติ ก่อนจะมารวมตัวกันเป็นครั้งคราว

ภาพกล้องวงจรปิดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการสืบสวนป้องกันปราบปรามอาชญากรรมโดยใช้กล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ของ ”บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ทำให้ต่อจิ๊กซอว์ถึงจุดที่กลุ่มคนร้ายรวมตัวกันก่อนลงมือก่อเหตุทุกครั้ง

โดยระยะเวลานาน 1 เดือน ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เฝ้าติดตามคนร้ายทั้งในวงจรปกติและในวงจรการก่อเหตุ เก็บข้อมูลหลักฐานไปตลอด การแกะรอยจากหลักฐานการสืบสวนที่มีแมตช์กับข้อมูลว่า นายมนตรี พ่วงถ้ำ วัย 46 ปี ทำหน้าที่คนขับรถในคดีที่พระประแดง ไม่นานนักการสืบสวนก็เชื่อมโยงไปถึง ”พร ทุ่งใหญ่” นายสมคิด แจ่มจำรัส หัวหน้าแก๊ง วัย 50 ปี ประวัติติดคุกมา 8 ปี หลังออกจากคุกตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 เริ่มรวมกำลังเครือข่าย รวมตัวเป็นครั้งคราว มีการเปลี่ยนอุปกรณ์สื่อสาร เปลี่ยนการใช้ชีวิต หลังภาพวงจรปิดจากกล้อง CCTV ปรากฏหลักฐาน

พ.ต.อ.โชติวัฒน์รายงานข้อท็จจริงต่อ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปะชัย รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผบก.สส.ภ.1 ก่อนรับคำสั่งให้ พ.ต.อ.ภูริส พร้อมทีมสืบสวนเก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ให้ครบทุกประเด็น คำนึงถึงน้ำหนักพยานหลักฐานที่สามารถที่จะระบุตัวคนร้ายได้โดยที่ไม่ตัดออกแม้แต่เรื่องเดียว จนมั่นใจว่าพยานหลักฐานไม่สามารถดิ้นหลุดได้ และสามารถที่จะเชื่อมโยงได้ทั้งหมด จึงนำข้อมูลต่างๆ ไปปรึกษากับศาลจังหวัดสมุทรปราการถึงพยานหลักฐาน ต่อมาศาลออกหมายจับเมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา

กระทั่งมีการติดตามตัวคนร้าย รู้เบาะแสว่านายมนตรีหลบหนีไปอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนนายพรมีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง นำรถที่ใช้ก่อเหตุไปซ่อนที่จังหวัดนครปฐม แต่ทีมสืบสวนติดตามเบาะแสมาโดยตลอด เริ่มจากการควบคุมตัวนายมนตรี แล้วขยายผล แต่ไม่มีใครทราบว่านายพรหลบหนีไปอยู่จุดใด เนื่องจากเป็นคนระวังตัวมาก ระหว่างหลบหนีจะอาศัยนอนในรถ จะไม่นอนตามโรงแรม ไม่ให้ใครเห็นตัว ใช้ชีวิตตัวคนเดียว ทราบข้อมูลว่านายพรจะเข้ามาหาญาติที่นครปฐม จึงนำกำลังไปเฝ้าจุด รอคอยให้ปรากฏตัว แต่หัวหน้าแก๊งคอยเฝ้าระวังตลอดเวลาว่าปลอดภัยหรือไม่ โดยการขับรถวนไปวนมา สลับกับจอด เพื่อดูความเรียบร้อยเช็กสภาพแวดล้อมโดยรอบ ถ้ามีความผิดปกติจะหลบหนีทันที เฝ้าจุดกว่า 24 ชั่วโมงก่อน ”พร ทุ่งใหญ่” โผล่มาอยู่ริมถนนข้างวัดทรงธรรมกัลยาณีย์ ต.พระประโทน อ.เมือง จ.นครปฐม ก่อนถูกควบคุมตัวโดยทีมสืบสวน

พ.ต.อ.ภูริสบอกว่า จากหลักฐานประวัตินายสมคิดเคยก่อคดีล่าสุดเมื่อปี 2554 ก่อเหตุต่อเนื่อง เช่น จังหวัดอุทัยธานี พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นครปฐม ส่วนสถานที่จำไม่ได้เลย ในแก๊งมั่นใจเรื่องการหลบเลี่ยงพยานหลักฐาน เนื่องจากในแก๊งทั้งหมดเคยติดคุกมาแล้วไม่ต่ำกว่า 15 ครั้ง ข้อหา “ลักทรัพย์” ทั้งหมดในแก๊งมีไม่น้อยกว่า 8 คน แต่จะหมุนเวียนสลับกันติดคุก และเชื่อว่าการลักทรัพย์ในบ้านจะได้หลายรายการ โดยนำทรัพย์สินที่ได้บางส่วนไปเก็บไว้ที่บ้านนครศรีธรรมราช จึงตรวจยึดตู้เซฟ 2 ใบ ภายในมีทรัพย์สินที่ได้จากการลักทรัพย์จำนวนมาก  นายพรรับว่านำทรัพย์ที่ได้จากการก่อเหตุไปขายเล่นพนันหวยเสียเงินไปหลายสิบล้านบาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image