โปรปาร์โก ควักกว่า 25 ล้านดอลลาร์ หนุนกรีน เยลโล่ จ่ายไฟฟ้าพลังงานสะอาด เน้นลงทุนในไทย เวียดนาม กัมพูชา

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 26 มกราคม 2565 โปรปาร์โก (Proparco) สถาบันการเงินเพื่อการพัฒนา ได้ร่วมลงทุนเงินกว่า 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขีดความสามารถของกรีน เยลโล่ (GreenYellow) ในการจ่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะผู้จัดจำหน่ายอาหาร และบริษัทผู้ผลิตสินค้า โดยกรีน เยลโล่ มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กำลังการผลิตรวมประมาณ 140 MWp และมีเป้าหมายผลักดันการเติบโตของกรีน เยลโล่ ในประเทศไทย เวียดนาม และกัมพูชา

Gregory Clemente ประธานกรรมการบริหาร โปรปาร์โก กล่าวว่า โปรปาร์โก มีความยินดีเป็นอย่างมากที่จะได้เป็นพันธมิตระยะยาวร่วมกับกรีน เยลโล่ ในการมอบพลังงานสะอาดที่มีสเถียรภาพให้กับบริษัทต่างๆในเอเชีย โดยโปรปาร์โก และกรีน เยลโล่ มีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการส่งเสริมโซลูชั่นพลังงานที่ยั่งยืนและใช้งานได้จริงในเชิงธุรกิจ ที่ช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถปรับตัวสู่การเป็นองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์(Net Zero Commitment) และเราเชื่อมั่นว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวที่ช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดี”

Otmane Hajji ผู้ก่อตั้งและประธาน กรีน เยลโล่ กล่าวว่า กรีน เยลโล่ ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรกับสถาบันทางการเงินที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศส อย่างโปรปาร์โก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคที่มีการพัฒนาที่เร็วที่สุดแห่งหนึ่งของเรา การบรรลุการสนับสนุนเม็ดเงินในครั้งนี้เป็นการยืนยันถึงศักยภาพในการเติบโตของโครงการพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใช้งานเองในประเทศไทย เวียดนาม และกัมพูชา ได้เป็นอย่างดี โดยเราเชื่อมั่นว่าการผลิตและใช้พลังงานแสงอาทิตย์จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของประเทศต่างๆ ทั่วโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับโครงการนี้จะมีส่วนช่วยสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) เป้าหมายที่ 7 (พลังงานสะอาด), เป้าหมายที่ 8 (งานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ), เป้าหมายที่ 9 (โครงสร้างพื้นฐาน) และ เป้าหมายที่ 13 (การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) ซึ่งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของกรีน เยลโล่ เหล่านี้ถือว่ามีส่วนช่วยในการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการปรับตัวสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Low-Carbon Transition) ของ 3 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการช่วยป้องกันการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงถึง 66,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) ต่อปี นอกจากนี้ยังส่งเสริมการจ้างงานกว่า 800 ตำแหน่ง (ทั้งทางตรงและทางอ้อม) ในอีกหลายปีข้างหน้าทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และกัมพูชา

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image