เดินหน้าชน : ‘พรรคเฉพาะกิจ’ล่มสลาย โดย โกนจา

ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ครบรอบ 8 ปี ที่คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ปิดคูหาเพื่อ “ล้มการเลือกตั้ง” เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 พร้อมเรียกร้องให้ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” และสุดท้ายเกิดรัฐประหาร

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากหัวหน้าคณะรัฐประหารสู่นายกรัฐมนตรีที่นั่งบริหารประเทศมาเกือบ 8 ปีแล้ว พร้อมๆ กับการกำเนิดรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่กล่าวอ้างว่า คือ รัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูป หรือฉบับปราบโกง

แต่นับจากนั้น วัฏจักรเดิมๆ หลังก่อเกิดการรัฐประหาร คือได้พรรคการเมืองใหม่ที่ตั้งขึ้นมา เพื่ออุ้มสมให้ผู้ทำรัฐประหารได้สืบทอดอำนาจและก็ดับสูญไปในที่สุด

ผลการเลือกตั้งซ่อมเขต 9 กทม. พื้นที่หลักสี่-จตุจักร กำลังเดินมาสู่วัฏจักรความเสื่อมสลายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ส่งกระทบไปถึง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ADVERTISMENT

ผลของการเลือกตั้ง กำลังสะท้อนว่าประชาชนต้องการสั่งสอนรัฐบาลที่นับวันกำลังเหิมเกริมกับการถือครองอำนาจ กลไกการสืบทอดอำนาจ ที่ทอดยาวนานเกือบ 8 ปี กลายเป็นสิ่งแปลกปลอมทางการเมือง

คำว่าปฏิรูปหรือปราบโกงก็แค่ลมปากที่พ่นออกมาเท่านั้น มิได้มีเนื้อหาสาระหรือรูปธรรมสำคัญแต่อย่างไร

ADVERTISMENT

สิ่งที่ประชาชนสัมผัสได้ คือความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐ บรรดากลุ่มก๊วนต่างๆ นักการเมืองหน้าเก่าๆ ที่เข้ามาแย่งชามข้าว มากกว่ามุ่งหน้าแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน

ผลของการเลือกตั้งซ่อมวันนี้ สะท้อนว่าการเมืองกำลังหวนกลับมาสู่วิถีประชาธิปไตยพร้อมๆ กับความล่มสลายของพรรคการเมืองที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจจากการรัฐประหารครั้งล่าสุด

ภาพของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และกลุ่ม 21 ส.ส.ในฐานะ “ก๊วนลุงป้อม” กำลังขยับขยายไปพรรค “เศรษฐกิจไทย” ที่มี พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นหัวหน้าพรรค พร้อมแปรสภาพเป็นพรรคขนาดกลาง พลิกไปได้ทุกขั้วอำนาจตามบทบาทของ “บิ๊กป้อม” ที่คุมหางเสืออยู่ อย่างน้อยพรรคนี้ก็คือเกราะป้องกันการลงหลังเสือเพื่อไม่ให้ถูกแว้งกัด

ภาพของกลุ่มสามมิตรกำลังประเมินสถานการณ์การเมืองเพื่อก้าวย่างในฐานะผู้ชนะ พร้อมการคำนวณทางคณิตศาสตร์บวกลบคูณหารว่าจะเดินหน้าอนาคตไปจุดไหน จะยังเกาะติดกับ “บิ๊กตู่” หรือหวนคืนกลับพรรคเพื่อไทยอีกคำรบหนึ่ง

ภาพของ ส.ส.กลุ่มที่เหลือของพลังประชารัฐ ต่างจับท่าทีอนาคตของ “บิ๊กตู่” ว่าจะเดินต่ออย่างไร ต่างคนต่างสอดสายตาเพื่อมองหาพรรคการเมืองอื่นๆ หรือพรรคใหม่ๆ ที่จะมารองรับ ใครที่ยังเชื่อมั่นในตัว “ลุงตู่” ก็จะล่มหัวจมท้ายไปด้วยกัน เพราะอย่าลืมว่ากลไกรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะ ส.ว. 250 คน คือพรรคการเมืองของ “3 ป.” ที่ตั้งมากับมือ พร้อมจะเป็นองครักษ์และยกมือเลือกนายกฯ นั่นคือจุดแข็งที่กลุ่มสืบทอดอำนาจวางหมากเอาไว้

อย่างน้อยการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ กำลังถอดบทเรียนอีกครั้งให้กลุ่มอำนาจเก่าหรือกลุ่มทหาร สะท้อนให้เห็นว่าโลกยุคใหม่การบริหารประเทศด้วยปลายกระบอกปืนนั้นตกยุคไปแล้ว อำนาจทางทหารไม่สามารถนำพาประเทศชาติออกจากวิกฤตได้ ซ้ำยังตอกย้ำเพิ่มวิกฤตจนประชาชนอยู่ในภาวะหมดหวังและไร้อนาคต

พอกันที สำหรับข้ออ้างการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ร่ำร้องรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูป แต่กลับได้พรรคการเมืองเฉพาะกิจ แสวงหาอำนาจและมองผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นของเล่นเฉพาะกลุ่ม

พอกันที สำหรับข้ออ้างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง ประกาศเสียงขึงขังให้การทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ นับตั้งแต่รัฐประหารพบว่าอันดับและคะแนนเฉลี่ยของดัชนีการรับรู้การทุจริตคอร์รัปชั่นต่ำทรุดลงทุกปี ยิ่งบริหารยิ่งทุจริตคอร์รัปชั่นเบ่งบานจนน่าอับอายสิ้นดี

การรัฐประหารจึงไม่ใช่ทางออกของประเทศ ไม่ใช่วิธีแก้ไขปัญหาตามครรลองประชาธิปไตยโลก แต่เป็นการเพิ่มปัญหาใหม่และซ้ำเติมปัญหาเก่า จนกลายเป็นมรดกบาปกัดกร่อนประเทศจนถึงทุกวันนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image