70 ปีบนบัลลังก์พิสูจน์ “ควีนเอลิซาเบธที่ 2” คือ ราชินีผู้เด็ดเดี่ยว
เอลิซาเบธ อเล็กแซนดรา แมรี วินด์เซอร์ ไม่ได้หวังจะเป็น ราชินีแห่งอังกฤษ แต่เป็นเพราะชะตาชีวิตได้ลิขิตไว้แล้ว
ราชนิกูล ผู้กลายมาเป็นสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะฉลองครองสิริราชสมบัติครบ 70 ปีวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 การครองราชย์อันไม่นึกฝัน ที่ทำให้พระองค์กลายเป็น “สัญลักษณ์แห่งความมั่นคง ” ไม่ว่าสหราชอาณาจักร จะเผชิญเหตุการณ์ หรือ ความไม่แน่นอนใดๆก็ตาม
จากราชวงศ์สาวผู้งดงาม สู่บทบาทมากมาย รวมทั้งสมเด็จย่าแห่งชาติ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ทรงประจักษ์แก่สายพระเนตรถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆทั้ง การล่มสลายของจักรวรรดิ์อังกฤษ ได้เห็นการเกิดขึ้นของวัฒนธรรมที่หลากหลาย การก่อการร้ายที่เพิ่มขึ้น แล้วยังความท้าทายจากเบร็กซิท (Brexit ) ที่อังกฤษ ถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป วิกฤติการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19
แต่ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร พระองค์ยังทรง “มั่นคง”ไม่เปลี่ยนแปลง ทรงรักษาผลประโยชน์ในต่างแดนของอังกฤษ ทรงชื่นชมความสำเร็จต่างๆของประเทศชาติ และทรงแสดงความเห็นพระทัยเมื่อเกิดความล้มเหลว และทรงอยู่เหนือการต่อสู้ทางการเมืองตลอดมา
ฮิวโก วิคเกอร์ นักประวัติศาสตร์ราชวงศ์ชาวอังกฤษวัย 70 ปี ให้สัมภาษณ์เอพีว่า “ผมคิดมาตลอดว่า พระองค์เหมาะที่จะได้รับการเรียกขานว่า เอลิซาเบธ เดอะ สเตดฟาสต์ (Elizabeth the Steadfast -เอลิซาเบธผู้เด็ดเดี่ยว) ผมคิดว่านี่เป็นคำอธิบายถึงพระองค์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด พระองค์ไม่จำเป็นต้องคาดหวังว่าจะได้เป็นราชินี และพระองค์ได้ทรงทำหน้าที่นั้น ”
เอลิซาเบธ อเล็กแซนดรา แมรี วินด์เซอร์ เป็นพระธิดาองค์โตในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ประสูติเมื่อวันที่ 21 เมษายน ปี 2469 หลังจากสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 พระปิตุลา (ลุง) สละราชบัลลังก์ หลังขึ้นครองราชย์ได้เพียงปีเดียว เพื่อไปแต่งงานกับ วอลลิส ซิมป์สัน หญิงหม้ายชาวอเมริกัน ทำให้ สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ต้องขึ้นครองราชย์ และทำให้ เจ้าหญิงเอลิซาเบธ ทรงเป็นรัชทายาท ผู้จะสืบทอดบัลลังก์ต่อไป
ตลอดรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ทรงอุทิศตนเพื่อชาติ และทรงปฎิเสธ ไม่ยอมเสด็จออกจากกรุงลอนดอน ขณะที่มีการทิ้งระเบิดถล่มในช่วงเดือนแรกๆของสงครามโลกครั้งที่ 2
เจ้าหญิงเอลิซาเบธ ทรงเดินตามรอยพระบิดา ด้วยการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง โดยทรงเข้าร่วม Auxiliary Territorial Service ช่วงต้นปี 2488 ทรงเป็นสมาชิกราชวงศ์ที่เป็นสตรีคนแรกที่เข้าร่วมกับกองกำลังทหารนี้แบบเต็มตัว และในวันพระราชสมภพ ครบ 21 พรรษา เจ้าหญิงเอลิซาเบธทรงประกาศผ่านสถานีวิทยุที่ออกอากาศไปทั่วโลก ขออุทิศชีวิตแด่ชาติ และประเทศในเครือจักรภพ
“ข้าพเจ้าขอประกาศต่อหน้าพวกคุณทุกคนว่า ตลอดชีวิตของข้าพเจ้าไม่ว่าจะยาวหรือสั้น ขออุทิศให้แก่ การรับใช้ชาติ และการทำหน้าที่รับใช้ของราชวงศ์อันยิ่งใหญ่ที่พวกเราทุกคนต่างเป็นส่วนหนึ่ง ”
ในปี 2495 ระหว่างเจ้าหญิงเอลิซาเบธ เสด็จเยือนประเทศในเครือจักรภพแทนพระบิดาที่กำลังประชวร ระหว่างทรงอยู่ที่กระท่อมห่างไกลในประเทศเคนยา ขณะกำลังทอดพระเนตรลิงบาบูนจากบนยอดไม้ กับเจ้าชายฟิลิป พระสวามี ก็ทรงได้รับแจ้งข่าวพระบิดา สวรรคต
เจ้าหญิงเอลิซาเบธ เสด็จกลับกรุงลอนดอนทันที และเสด็จลงจากเครื่องบินด้วยชุดฉลองพระองค์สีดำ และทรงใช้ชีวิตในฐานะราชินีแห่งอังกฤษนับจากนั้น
ตลอดช่วงเวลา 70 ปี สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงร่วมแบ่งปันความไว้วางใจกับ นายกรัฐมนตรี 14 คน เคยต้อนรับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 13 คน และทรงเป็น หลักยึดเหนี่ยวแก่ชาวอังกฤษตลอดมา ท่ามกลางเหตุการณ์ท้าทายครั้งแล้ว ครั้งเล่า ตั้งแต่เมื่อคราวการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงไดอานา เมื่อปี 2540 ที่การนิ่งเงียบของราชวงศ์วินด์เซอร์ สร้างความไม่พอใจแก่ผู้ชื่นชอบเจ้าหญิงไดอานา
แล้วล่าลุดยังมีกรณีเจ้าชายแอนดรูว์ พระโอรสองค์ที่ 2 ที่กำลังถูกฟ้องในคดีล่วงละเมิดทางเพศ และ การขอลดบทบาทในฐานะสมาชิกราชวงศ์ระดับสูงของเจ้าชายแฮร์รี พระราชนัดดา และ ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ หรือ เมแกน มาร์เคิล พระชายา เสด็จไปใช้ชีวิตที่สหรัฐอเมริกา
แต่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 ทรงรับมือกับปัญหา และหาทางออกได้อย่างดี และได้รับคะแนนนิยมจากพสกนิกรมาโดยตลอด ซึ่ง เคลลี บีเวอร์ ซีอีโอของบริษัททำโพลชื่อ Ipsos UK ซึ่งติดตามสำรวจความนิยมในตัวควีนเอลิซาเบธที่ 2 มาหลายทศวรรษ บอกว่า ” ส่วนหนึ่งก็เพราะ พระองค์ทรงมีความหมายเหมือนกับ ราชาธิปไตย ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวอังกฤษภาคภูมิใจ “