เจ้าคุณแจ๊ค พร้อม 11 เจ้าอาวาสเข้าพบ พงส.ปปป.รับข้อหาทุจริตเงินทอนวัดเพิ่ม 2 คดี เผยมีข่าวสะพัดเครียดหนัก พยายามผูกคอมรณภาพ แต่ดวงยังไม่ถึงฆาตลูกศิษย์ช่วยทัน
จากกรณีตำรวจ บก.ปปป.สนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ในสังกัด บช.ก.และ ป.ป.ช.เปิดปฏิบัติการ “ล้างบาปปราบอลัชชี” สางต่อคดีทุจริตเงินทอนวัดเฟส 4 ลุยค้น จ.นครนายก จ.นนทบุรี และ กทม. บุกรวบพระสิทธิวรนายก หรือ “เจ้าคุณแจ๊ค” เจ้าอาวาสวัดเขาทุเรียน และรองเจ้าคณะจังหวัดนครนายก คากุฏิ เจอทั้งเหล้า ถุงยาง และปืนบีบีกัน หลังสืบสวนพบร่วมกับนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อายุ 64 ปี อดีต ผอ.พศ. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครนายก ที่ จ.15/65 ลงวันที่ 15 ก.พ.2565 ข้อหา “สมคบและร่วมกันฟอกเงิน” และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีทุจริตเงินทอนวัดครั้งแรกที่ยังหลบหนี อมเงินบูรณะซ่อมแซม 12 วัดใน จ.นครนายก ไป 110 ล้านบาท จากวัดต่างๆ มาเก็บไว้ แล้วเล่นแร่แปรธาตุเอาไปซื้อที่ดินในชื่อเมีย-ลูกอดีต ผอ.พศ.กว่า 21 ล้านบาท จึงมีการเร่งขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินกลุ่มบุคคลใกล้ชิดพระสิทธิวรนายก และนายนพรัตน์ เพื่อติดตามเงินส่วนที่หายไปอีกกว่า 90 ล้านบาท พร้อมกับเตรียมเชิญตัว 11 เจ้าอาวาสวัดต่างๆ ในพื้นที่ จ.นครนายก มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกรอบ เพื่อสอบข้อเท็จจริงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตดังกล่าวด้วยหรือไม่ ตามที่ได้เคยมีการนำเสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าคดีดังกล่าว ล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 มีนาคม พระสิทธิวรนายก หรือ “เจ้าคุณแจ๊ค” เจ้าอาวาสวัดเขาทุเรียน และรองเจ้าคณะจังหวัดนครนายก พร้อมด้วยเจ้าคณะ จำนวน 11 วัด แบ่งเป็น ในพื้นที่ จ.นครนายก จำนวน 9 วัด และ จ.ปราจีนบุรี 2 วัด เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.พิทักษ์ วาฤทธิ์ ผกก.2 บก.ปปป. เพื่อเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมตามหมายเรียก โดยมีพระสิทธิวรนายกเพียงรายเดียวเท่านั้นที่เป็นการเข้าพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม
พ.ต.อ.พิทักษ์กล่าวว่า สำหรับการเชิญตัวพระสิทธิวรนายกมาเข้าพบในวันนี้ก็เพื่อทำการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มอีก 2 คดี เพราะเป็นการกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ หลังก่อนหน้ามีการแจ้งไปแล้ว 1 คดี ขณะที่ในส่วนของเจ้าอาวาสรูปอื่นๆ อีก 11 รูป เป็นการเรียกมาเข้าพบเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็นที่ยังมีข้อเคลือบแคลงสงสัย ทั้งนี้ ก็เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงให้แน่ชัดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดด้วยหรือไม่
พ.ต.อ.พิทักษ์กล่าวว่า สำหรับการสอบปากคำเจ้าอาวาสทั้ง 11 รูป เบื้องต้นให้การเป็นประโยชน์ และสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน คืออ้างว่าเงินงบประมาณที่ได้รับจากสำนักพระพุทธศาสนาได้ถอนเป็นเงินสดแล้วนำไปมอบให้กับพระสิทธิวรนายก ที่วัดเขาทุเรียนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เองก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อคำให้การทั้งหมด เพราะต้องพิจารณาควบคู่ร่วมกับพยานหลักฐาน อีกทั้งเงินที่ทุจริตในครั้งนี้มีจำนวนถึง 110 ล้านบาท จึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดให้แน่ชัดก่อน
พ.ต.อ.พิทักษ์กล่าวอีกว่า เจ้าคุณแจ๊คเบื้องต้นยอมรับว่าเงินที่ได้มาทั้งหมดจะถูกนำไปให้กับนายนพรัตน์ หลังจากนี้จะมีการประสาน ปปง.เข้ามาช่วยในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อเร่งตามหาเงินส่วนที่เหลืออีกกว่า 90 ล้านบาท กลับคืนให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่ามีการยักย้ายถ่ายโอนเงินไปยังต่างประเทศในช่วงระหว่างปี 2559 ส่วนกรณีที่พบขวดเหล้า เบียร์ ถุงยางอนามัย ในกุฏิของพระสิทธิวรนายกนั้นจะมีความผิดหรือไม่ ไม่สามารถระบุได้ เพราะกรณีดังกล่าวอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของตำรวจ ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของทางสำนักพุทธฯเป็นผู้พิจารณา
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว พระสิทธิวรนายก หรือเจ้าคุณแจ๊ค มีอาการเครียดและวิตกกังวลอย่างหนัก ถึงขั้นพยายามผูกคอฆ่าตัวตาย แต่เคราะห์ดีมีลูกศิษย์เข้ามาพบและให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงทีจึงรอดปลอดภัย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
ต่อมา พ.ต.อ.พิทักษ์กล่าวว่า ภายหลังเสร็จสิ้นขั้นตอนการสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหากับ พระสิทธิวรนายก หรือ เจ้าคุณแจ๊ค เพิ่มเติมอีก 2 คดีเสร็จสิ้นแล้วนั้น ก็ได้ทำการปล่อยตัวกลับไป ก่อนจะนัดหมายให้มาเข้าพบอีกครั้งหลังจากนี้ประมาณ 14 วัน เพื่อมาสักถามในบางประเด็นที่ยังคงมีข้อเคลือบแคลงสงสัย เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่ามีบุคคลื่นหรือพระรูปอื่นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ต่อไป นอกจากนี้ทางพนักงานสอบสวนยังได้ออกหมายเรียกเจ้าอาวาสวัดอีก 2 แห่งในพื้นที่ จ.สุรินทร์ และ บุรีรัมย์ ให้มาเข้าพบในวันที่ 8 มี.ค. ที่จะถึงนี้ เพื่อให้ปากคำในฐานะพยาน หลังพบหลักฐานว่า พระสิทธิวรนายก ได้กระทำการทุจริตในลักษณะเดียวกันกับวัดดังกล่าวทั้ง 2 แห่งนี้ ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็อาจมีการพิจารณาดำเนินคดีเพิ่มเติมกับพระสิทธิวรนายก อีกคดี