‘อนุทิน’ เผยกรณีรัฐบาลไม่ต้องเสียค่าโง่คดีโฮปเวลล์ ‘พีระพันธ์ุ-ศักดิ์สยาม’ เป็นทีมเวิร์กที่ดี
เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 7 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคดีโฮปเวลล์ที่รัฐบาลไม่ต้องเสียค่าโง่ 3 หมื่นล้านบาทแล้ว ซึ่งมองกันว่าเป็นผลงานของกระทรวงคมนาคมว่า เป็นหน้าที่ของกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่องการรักษาผลประโยชน์ของชาติถือเป็นภารกิจหลัก ความจริงเรื่องนี้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้นานแล้ว เพียงแต่ตอนที่เราเข้ามาตนได้เห็นเรื่องนี้ และได้หารือกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ว่า เรื่องนี้จะต้องมาดูให้ละเอียด เพราะพูดง่ายๆ ว่าเราไม่ต้องการเป็นคนที่จะต้องมาจ่ายค่าโง่ ในยุคสมัยที่เรากำกับดูแลกระทรวงคมนาคม และคิดว่าเราคงไม่ได้โง่ขนาดนั้น จึงให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมา และหาวิถีทางต่อสู้ โดยเราทำเต็มที่ จะแพ้หรือชนะก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม แต่อย่างน้อยเราได้ทำหน้าที่พิทักษ์ผลประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องทำได้หากเราทำได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า คดีนี้จะต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า อย่างน้อยเราได้มีโอกาสที่จะเรียกข้อมูลต่างๆ มาดูมากขึ้น ทั้งนี้ เวลาอ่านหนังสือหรือดูหนัง จะต้องไม่ดูกลางเรื่อง จะต้องดูก่อนว่าต้นเรื่องเป็นอย่างไร หลายๆ เรื่องที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้คือ เราไปเริ่มนับจากแถวๆ กลางๆ เรื่อง ไม่ได้ดูที่มาที่ไปของมัน ตั้งแต่บทที่หนึ่ง
กรณีนี้ หากเราย้อนไปดูตั้งแต่ต้น ว่าเริ่มมาอย่างไร มีพัฒนาการอย่างไร ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ ทั้งที่เราเชื่อว่าตอนที่เริ่มโครงการก็คงไม่มีใครอยากให้มีผลกระทบเกิดขึ้นเช่นนี้ แต่ทำไมจึงออกมากลายเป็นรัฐบาลเสียหาย เราจึงต้องไปดู และก็ได้พบหลายเหตุที่คิดว่าน่าจะนำมายกเป็นข้อต่อสู้ได้ ตนจึงได้ให้นายศักดิ์สยามไปดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยตั้งเป้าไว้ว่าประโยชน์ของชาติจะเสียหายไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการเริ่มต้นคดีนี้ใหม่จะใช้เวลาพิจารณานานหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ขบวนการยุติธรรมก็ใช้เวลาตามขั้นตอนของมัน แต่อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องจ่ายในวันนี้แล้ว
เมื่อถามว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ระบุว่าอายุความคดีนี้หมดไปแล้ว จะเป็นปัญหาหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า นี่คือที่ตนบอกว่าจะต้องกลับไปดูหลายเรื่อง ซึ่งนายพีระพันธุ์กับนายศักดิ์สยาม มีความใกล้ชิดสนิทสนมกัน และด้วยความที่นายพีระพันธุ์เป็นอดีตผู้พิพากษา เป็นนักกฎหมาย มีความรู้ความสามารถ นายศักดิ์สยามจึงได้ไปหารือ และปรึกษาในเรื่องดังกล่าวในทางกฎหมายจะดำเนินการอย่างไรต่อไปได้ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง คนไทยหากเกี่ยวข้องในการรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมืองได้ก็ต้องทำ ถือว่าเป็นทีมเวิร์กที่ดีมากๆ
