ส.ส.กรุงเทพฯ ก้าวไกล จวก เจอ-แจก-จบ ไม่มีอยู่จริง สิ่งที่มีคือ เจอ-เจ็บ-จบ

ส.ส.กรุงเทพฯ ก้าวไกล จวก เจอ-แจก-จบ ไม่มีอยู่จริง สิ่งที่มีคือ เจอ-เจ็บ-จบ

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม น.ส.วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล เขียนข้อความแสดงความเห็นเรื่อง เจอ-แจก-จบ ไม่มีอยู่จริงสิ่งที่มีคือ เจอ-เจ็บ-จบ เล่าเรื่องปัญหาการบริหารของรัฐต่อวิกฤตโควิด โดยระบุว่า

จากนโยบาย “เจอ-แจก-จบ” ของ สปสช. กระทรวงสาธารณสุข ที่ประกาศว่า หลังวันที่ 1 มีนาคม 2565 ผู้ที่ตรวจเจอว่าติดโควิดและอาการไม่หนัก รัฐจะมีนโยบายแจกยา กลับบ้านกักตัวทำ HI ซึ่งเป็นนโยบายที่ภาครัฐต้องการจะปฏิบัติกับโรคโควิดสายพันธุ์โอมิครอนนี้ให้เหมือนกับเป็นโรคหวัดธรรมดาชนิดหนึ่งที่ประชาชนสามารถหายารักษาตามอาการเองได้ โดยให้ข้อมูลดังนี้

-หากตรวจพบเชื้อจากผล ATK ให้เข้ามายื่นที่โรงพยาบาลที่ท่านมีสิทธิ (บัตรทอง หรือประกันสังคม) เพื่อรับการตรวจและแจก “ยาสามัญรักษาตามอาการ” ได้เลย โดยไม่ต้องทำ RT-PCR ซ้ำ

ADVERTISMENT

-ไม่จำเป็นต้องโทรเข้า 1330 หรือ 1669 เราควรสงวนคู่สายไว้ให้เคสหนักเคสฉุกเฉินจริงๆ

-แพทย์จะพิจารณาแจกยารักษา 3 สูตร คือ ยาฟาวิพิราเวียร์ ยาฟ้าทะลายโจร และยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ แก้ไอ ลดน้ำมูก

ADVERTISMENT

ดังจะเห็นได้ว่ามาตรการของรัฐมีทิศทางไปในแนวทางเดียวกับสากลโลก เนื่องด้วยเชื้อโควิดที่กลายพันธุ์และแสดงอาการน้อยลงจนเกือบเหมือนไข้ประจำถิ่น ดังนั้นควรเน้นไปที่การดูแลตัวเองของผู้ป่วยและเคสสีเขียวที่ไม่รุนแรงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าพักโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หรือ hospitel อีกต่อไป

แต่หลังจากนโยบายนี้ออกมา จนถึงวันนี้ประชาชนได้ร้องเรียนผ่านมาทางดิฉัน ว่า ”นโยบายเจอแจกจบนั้น ไม่มีอยู่จริง”

สิ่งที่ประชาชนได้พบเจอและแจ้งมา มีดังนี้

1.ในหลายเคสที่นำผล ATK ไป รพ. แต่ไม่ได้รับยาทันที แต่กลับแจ้งให้กลับบ้านมาก็มี ซึ่งแบบนี้จะเรียกว่า “เจอ-แจก-จบ” ได้อย่างไร เพราะว่าผู้ป่วยก็ต้องการยากลับมารักษาตัว+กักตัวที่บ้านในทันที ไม่ใช่ต้องรอคอยอย่างไร้ความหวัง

2.ประชาชนเข้าไม่ถึงยา และยาเข้าไม่ถึงประชาชน เมื่อประชาชนพร้อมจะรักษาตัวอยู่บ้านแต่ยังไม่ได้รับยาที่จัดสรรมาจากภาครัฐ หรือได้รับล่าช้าก็ทำให้ไม่เกิดประสิทธิภาพในการรักษา หลายๆ เคสหายเพราะหาซื้อยาเองตามยถากรรมจนหาย แล้วเพิ่งมียาส่งมาให้ ก็มี

3.ผลักภาระ ในหลายๆ ครั้ง เราก็มีหลักฐานว่าภาครัฐพยายามผลักภาระเรื่อง ”ยาสามัญรักษาตามอาการ” มาให้ฝ่ายการเมือง ฝ่ายมูลนิธิ สังคมสงเคราะห์ต่างๆ คือ ให้ไปรับยาจากภาคเอกชนก่อน แทนที่หน่วยงานภาครัฐ (สธ.) จะแจกยาให้เองดังที่กล่าว

4.คู่สายของรัฐไม่เพียงพอ การที่ประชาชนพยายามหาข้อมูลและพยายามช่วยเหลือคนใกล้ชิดโดยการโทรเข้าสายด่วนที่รัฐจัดเตรียมไว้ ถือว่าเป็นสิทธิพื้นฐานที่ประชาชนควรได้รับเท่าเทียมกัน แต่ช่องทางการลงทะเบียนไม่เพียงพอต่อความต้องการทำให้ประชาชนหาที่พึ่งไม่ได้ และเข้าไม่

ถึงยารักษา ยิ่งถ้าเป็นเคสหนัก ที่อาการเริ่มทรุดด้วยแล้ว และยังเข้าไม่ถึงช่องทางการรักษา ก็เกรงว่าจะสายเกิดการณ์

ซึ่งนอกจากข้อสังเกตทั้งหมดที่ได้รับการร้องเรียนมาจากภาคประชาชนแล้ว ดิฉันเองก็มีข้อเสนอ สืบเนื่องจากการจัดชุดยาทั้งในนามพรรคการเมืองและในนามกลุ่มจิตอาสา ”ต้นกล้าอาสา” และ “pop up”

จึงขอเสนอว่า

-เราควรจะให้การเข้าถึง ”ยาสามัญรักษาตามอาการ” เหล่านี้เป็นสิ่งที่ประชาชนเข้าถึงได้เอง ไม่ต้องรอข้อมูลจากภาครัฐ หรือรอลงทะเบียนที่ไม่มีความหวัง โดยการให้ประชาชนซื้อยาเหล่านี้ได้จากร้านขายยาทั่วไป

-ภาครัฐควรส่งเสริมในเรื่องความรู้ในการจัดชุดยา อย่างเช่นประสบการณ์ของดิฉัน การจัดชุดยา แบบที่ 1 สำหรับเคสสีเขียว+บุคคลทั่วไป / แบบที่ 2 สำหรับเด็กเล็ก / แบบที่ 3 สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภาวะเสี่ยงเปราะบางมีโรคแทรกซ้อน / แบบที่ 4 สำหรับสตรีมีครรภ์ เป็นต้น

โดยรัฐ (สธ.) ควรจะเป็นหัวเรือใหญ่ในการกำหนดชุดยาจากผู้เชี่ยวชาญ ให้เป็นมาตรฐานเดียว เพื่อให้ร้านขายยาสามารถจัดชุดยาได้เหมาะสมที่สุด และประชาชนสามารถซื้อยาได้โดยไม่สร้างความสับสน

การซื้อชุดโควิดนี้ควรจะมีหลักฐานรูปถ่ายบัตรประชาชนคู่กับผลตรวจ ATK และสามารถนำมาเบิกค่าใช้จ่ายกับรัฐได้ในภายหลัง ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียน ใครใคร่เบิกก็เบิก ใครพอมีฐานะก็อาจจะไม่เบิก ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายของรัฐได้ในทางหนึ่งด้วย

สุดท้าย ดิฉันเห็นด้วยกับทิศทางที่รัฐจะปฏิบัติกับเชื้อโรคโควิด-19 โอมิครอนนี้ เสมือนเป็นไข้ประจำถิ่น แต่สมควรที่จะต้องทบทวนการปฏิบัติการขั้นตอนการเข้ารักษาให้ประชาชนได้พึงพาตนเองได้มากกว่านี้ นโยบายนี้เป็นนโยบายที่ออกจากส่วนกลางคือ สปสช. และกรุงเทพมหานครก็รับแนวทางมาปฏิบัติ แต่พอถึงเวลา นโยบายดังกล่าว กลับทำไม่ได้จริง ผู้ปฏิบัติการหน้างานกลายเป็นคนที่ต้องรับหน้าเสื่อเสมอ และเหตุการณ์ลักษณะนี้ เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง ที่รัฐออกนโยบายสวยๆ มาบอกประชาชน แต่ถึงเวลาแล้วทำไม่ได้ และสร้างความผิดหวังให้ประชาชนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image