“จุรินทร์”ออนทัวร์สุราษฎร์ ยันห้ามขึ้นราคาสินค้าช่วงสงกรานต์

ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานมูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช พร้อมด้วย พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร ส.ส.จังหวัดนครปฐม นายธีรภัทร พริ้งศุลกะ ส.ส.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้นำถุงน้ำใจ ปชป. มามอบให้พี่น้องประชาชน 2 ตำบล คือตำบลชลคราม และตำบลไชยคราม อำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังจากได้รับการประสานจาก นายวิวรรธน์ นิลวัชรมณี ส.ส.จังหวัดสุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ว่า พี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ที่ชาวสุราษฎร์ฯ ไว้วางใจเลือกพรรคประชาธิปัตย์ในทุกเขต และแสดงความยินดีที่ชาวบ้านส่วนใหญ่มีรายได้สูงขึ้น จากการที่ราคายางพารา ราคาปาล์มมีราคาสูงขึ้นกว่าในอดีต เนื่องจากตนออกมาตรการหลายตัวมาช่วยกระตุ้นให้มีราคาดีขึ้น เช่น การห้ามนำเข้าน้ำมันปาล์มทางบก ไปจนถึงโครงการประกันรายได้

“ดีใจที่มีโอกาสพบกับพี่น้อง และขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่ประสบภัยน้ำท่วม มีพื้นที่อื่นที่ตนจะไปได้ที่ไหนก็ยินดี เพราะ มูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ของพรรคประชาธิปัตย์ก็มีเป้าหมายที่ต้องการเข้าไปช่วยเยียวยาเท่าที่เราจะช่วยทำได้ ซึ่งก็ทำมาโดยตลอดอยู่แล้ว และดีใจที่พี่น้องเกษตรกรที่นี่มีรายได้ดีขึ้น เพราะส่วนใหญ่ทำสวนปาล์ม และสวนยาง จาก 2-3 ปีที่แล้ว กก.ละ 2 บาทกว่า ตอนนี้ 10-11 บาท ส่วนยางพารา ที่นี่ส่วนใหญ่ทำยางก้อนถ้วย ซึ่งก่อนตนเข้ามา กก.ละ 10-11 บาท วันนี้ 24-27 บาท แล้วแต่พื้นที่ ถือว่าช่วยให้ที่นี่มีรายได้ดีขึ้นมาก” นายจุรินทร์กล่าว

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า พร้อมกับได้ฝากให้พี่น้องเกษตรกรว่า เมื่อพี่น้องมีรายได้ดี แต่ราคาสินค้าเกษตรมีขึ้นมีลง ขอให้เก็บหอมรอมริบไว้ใช้ยามแก่ เพราะเมื่อเคราะห์หามยามร้ายเกิดอุบัติเหตุที่เราไม่คาดคิด ราคาพืชเกษตรอาจตกลงมาโดยเราไม่คาดฝัน จะได้มีเงินก้อนหนึ่งไว้ใช้จ่ายยังชีพได้ แต่ก็ยังมีนโยบายประกันรายได้เกษตรกรของพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาลของพรรค ซึ่งประกันรายได้ยางพาราไว้ที่ กก.ละ 4 บาท และยางก้อนถ้วย กก.ละ 23 บาท ยังช่วยเป็นหลักประกันได้

นายจุรินทร์กล่าวถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ไม่อนุญาตให้ขึ้นราคาสินค้าที่จำเป็น อย่างน้อย 18 หมวด โดยกำกับราคาไว้ว่าจะต้องไม่เกินนี้ หากใครค้าขายค้ากำไรเกินควรต้องดำเนินคดี ถือเป็นการช่วยภาครายจ่าย แม้จะมีบางส่วนจำเป็นที่ต้องปรับราคาขึ้นไปบ้างเพราะต้นทุนในตลาดโลกสูงมาก เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูง จะดูเป็นกรณีไปเพราะการจะดูราคาอย่างเดียวไม่พอต้องดูปริมาณด้วยเพื่อไม่ให้สินค้าขาดตลาด แต่ถ้าเรากดราคามากจนผู้ประกอบการขาดทุนไม่มีกำไรและเลิกผลิต จะทำให้เกิดปัญหาใหม่จะตามมาคือของขาด ส่วนปัญหาอีกด้านหนึ่งคือต้องดูว่าราคาไม่สูงเกินควรและปริมาณต้องไม่ขาดแคลนด้วย จึงจำเป็นต้องหาจุดสมดุล นอกจากนี้ จะมีการจัด พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชนล็อตต่อไป ซึ่งกำลังเตรียมการอยู่ และช่วงสงกรานต์นี้ ยังไม่อนุญาตให้มีการปรับขึ้นราคาสินค้าหรือฉวยโอกาส จึงสั่งการพาณิชย์ทุกจังหวัด หากพบการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าที่ไหนขอให้ดำเนินคดีทันที

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image