กาฬสินธุ์ เกษตรกร สำรองกุ้งก้ามกราม พร้อมเสิร์ฟสงกรานต์กว่า 80 ตัน
บรรยากาศจับกุ้งก้ามกราม อาหารยอดฮิตเทศกาลสงกรานต์ และขึ้นชื่อของจังหวัดกาฬสินธุ์เริ่มคึกคัก เกษตรกรสำรองกุ้งก้ามกรามสด ตัวโตไว้จำหน่ายให้กับพ่อค้าคนกลางรายละกว่า 1-3 ตัน ด้านเลขาสมาพันธ์ผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามกาฬสินธุ์เผย ยอดจำหน่ายไม่น้อยกว่า 80 ตัน มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท หลังหลายพื้นที่เริ่มผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 เพื่อเตรียมเข้าสู่โรคประจำถิ่น
เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการจับกุ้งก้ามกราม สัตว์เศรษฐกิจอันดับหนึ่งของ จ.กาฬสินธุ์ และอาหารยอดฮิตในเทศกาลสงกรานต์ ที่ จ.กาฬสินธุ์เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างคึกคัก โดยพบว่าเริ่มจะมีพ่อค้าคนกลางจากต่างจังหวัดทั่วภาคอีสาน เข้ามารับซื้อกุ้งก้ามกรามสดๆ จากบ่อเที่ยวละ 100-200 กก. พร้อมกับสั่งจองล่วงหน้า เพื่อนำไปส่งร้านอาหารและจุดรับซื้อ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงรายละหลายตัน หลังหลายพื้นที่ได้มีการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 เพื่อเตรียมเข้าสู่โรคประจำถิ่น
นายอาทิตย์ ภูบุญเติม อายุ 52 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามบ้านตูม หมู่ 4 ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า บรรยากาศการจับกุ้งก้ามกรามจำหน่ายก่อนเริ่มต้นเทศกาลสงกรานต์ เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากหลายพื้นที่ได้มีการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 เพื่อเตรียมเข้าสู่โรคประจำถิ่น หลังจากก่อนหน้านี้ซบเซามาตั้งแต่หลังเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา และสถานการณ์โควิด-19
ทั้งนี้ ตนได้สำรองกุ้งก้ามกราม ที่ได้ขนาดจับจำหน่ายเฉลี่ย 20-25 ตัว/กก. เพื่อจำหน่ายในเทศกาลสงกรานต์ประมาณ 2-3 ตัน โดยจะมีพ่อค้าจากต่างจังหวัดมาจองไว้ และนัดหมายมารับที่ปากบ่อเที่ยวละ 100-200 กก. โดยราคาขายส่งที่ปากบ่อ กก.ละ 250 บาท ขณะที่พ่อค้าคนกลางจะบวกเพิ่มค่าขนส่งอีก กก.ละ 20-30 บาท ตามระยะทาง ทั้งนี้จากการสอบถามพ่อค้าคนกลาง สถานการณ์โควิดที่ยังมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากก็ไม่ส่งผลกระทบกับบรรยากาศการซื้อขายในเทศกาลสงกรานต์ เพราะกุ้งก้ามกรามได้ชื่อว่าเป็นเมนูยอดฮิตในเทศกาลสงกรานต์ สามารถปรุงอาหารได้หลายเมนู และเป็นของฝากอีกด้วย
ด้านนางสาวพัชราวลัย ไร่ไสว ผู้ประกอบการแม่ค้าคนกลางขายกุ้งสด กล่าวว่า เนื่องจากการค้าขายกุ้งก้ามกรามในช่วงเทศกาลปีใหม่ผ่านมาคึกคักเป็นอย่างมาก โดยเฉลี่ยเกษตรกรแต่ละรายจับกุ้งจำหน่ายรายละ 300-500 กก. หรือกลุ่มละประมาณ 8 ตัน ในภาพรวมมีกุ้งสดออกสู่ตลาดทั่วภาคอีสานไม่น้อยกว่า 100 ตัน เงินสะพัดกว่า 25 ล้านบาท ทำให้ปริมาณกุ้งก้ามกรามที่จะออกสู่ตลาดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ลดน้อยลง เนื่องจากกุ้งโตไม่ทัน เพราะเกษตรกรต้องใช้เวลาในการเลี้ยงกุ้งแต่ละรุ่นประมาณ 5 เดือน ถึงจะมีขนาดโตพอจับจำหน่าย กุ้งที่จับจำหน่ายในเทศกาลสงกรานต์ ส่วนหนึ่งจึงเป็นกุ้งที่เหลือจากการขายในช่วงปีใหม่ และส่วนหนึ่งเป็นกุ้งรุ่นใหม่ที่ยังไม่โตเต็มที่ อย่างไรก็ตามคาดว่าในเทศกาลสงกรานต์นี้ จะมีกุ้งก้ามกรามที่เกษตรกรสำรองไว้ และจะจำหน่ายออกสู่ตลาดไม่น้อยกว่า 80 ตัน มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท
ขณะที่นายวีระชาติ ภูโปร่ง เลขาสมาพันธ์ผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ปัจจุบันในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ มีเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามแปลงใหญ่ 3 กลุ่ม คือกลุ่มบัวบาน กลุ่มนาเชือกและกลุ่มลำคลอง นอกจากนี้ ยังมีผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามรายย่อยกระจายในพื้นที่ ต.บัวบาน ต.นาเชือก และ ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด, ต.ลำคลอง ต.ลำพาน อ.เมืองกาฬสินธุ์, ต.หัวหิน อ.ห้วยเม็ก และ ต.เสาเล้า อ.หนองกุงศรี รวมเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งแปลงใหญ่และทั่วไปประมาณ 1,300 ราย ปัญหาที่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งประสบคือต้นทุนการเลี้ยง คืออาหารกุ้งและพันธุ์ลูกกุ้งที่สูงขึ้น จึงอยากเรียกร้องรัฐบาลและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องควบคุมราคาด้วย นอกจากนี้ยังมีอุปสรรคที่สำคัญคือสภาพดินฟ้าอากาศที่แปรปรวนในช่วงเดือนเมษายน ร้อนสลับกับฝนตก ที่เป็นสาเหตุให้กุ้งน็อคตายเนื่องจากปรับตัวไม่ทัน อย่างไรก็ตามในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ยังจะมีกุ้งพร้อมจำหน่ายอย่างเพียงพอ และอาจจะขาดตลาดหลังเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากกุ้งขายดีและโตไม่ทัน