เริ่มแล้ว มินิเอฟทีเอ”จุรินทร์”ประเดิม”ไทย-เตลังคานา”บุกการค้า-ลงทุนเมืองรองแดนโรตี

ในวันที่ 11 เมษายน ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเปิดงานและร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ รูปแบบออนไลน์ ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ รัฐเตลังคานา สาธารณรัฐอินเดีย พร้อมด้วย พร้อมด้วยตัวแทนรัฐและตัวแทนภาคเอกชน ว่า ไทยกับอินเดีย มีความผูกพันเชื่อมโยงกัน อย่างแนบแน่นในทุกด้าน ทั้งประวัติศาสตร์ ศาสนา วรรณกรรม วัฒนธรรมและธรรมเนียมปฏิบัติด้านเศรษฐกิจ โดยอินเดียมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 6 ของโลก รองจากสหรัฐ จีน ญี่ปุ่น เยอรมนี และสหราชอาณาจักร มีจํานวนประชากรกว่า 1,300 ล้านคน และเป็นคู่ค้าสําคัญอันดับที่ 11 ของไทย และเป็นประเทศคู่ค้า อันดับ 1 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ ขณะที่ไทยเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 4 ของอินเดียในภูมิภาคอาเซียน โดยปี2564 การค้าระหว่างไทยและอินเดีย มีมูลค่า 14,940 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 474,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น52.52 %จากปีก่อนหน้า ซึ่งเชื่อว่าหลังภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย การส่งออกและการค้าไทยกับอินเดียจะมีทิศทางดีขึ้นต่อเนื่อง

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ตนได้นําคณะผู้แทนการค้าของไทย เยือนอินเดีย รวม 2 ครั้ง ครั้งแรกที่เมืองมุมไบและเมืองเจนไน และครั้งที่ 2 ที่เมืองเบงการูลู และเมืองไฮเดอราบัด สำหรับ รัฐเตลังคานา ตนให้ความสําคัญกับการเสริมสร้างและพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เชิงเศรษฐกิจ ซึ่งในการเยือนเมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา เป็นครั้งแรก ได้ประทับใจกับการพัฒนาเมืองใหม่ เห็นการลงทุนของบริษัทต่างชาติที่มีชื่อเสียง รวมถึงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณูปโภคที่ทันสมัย สะท้อนภาพลักษณ์ของอินเดียยุคใหม่ ตลอดจนการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมไอที และอุตสาหกรรมยาของอินเดีย จนได้รับการขนานนามว่าไซเบอราบัดและจีโนมวัลเลย์ครั้งนั้นสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันว่า ไทยและอินเดีย ควรจัดทําข้อตกลงการค้าเชิงลึกกันมากขึ้น นอกเหนือจากความตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-อินเดีย และอาเซียน- อินเดีย โดยลงลึกระดับมณฑลหรือเมืองรอง ซึ่ง เป้าหมายของรัฐเตลังคานา อาทิ การแปรรูปอาหาร เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น รวมถึงแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ ผ่านศูนย์บ่มเพาะธุรกิจและระบบนิเวศด้านนวัตกรรมที่อินเดียหรือ T-Hub จะเป็นการผลักดันสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตและแข่งขันระดับสากล ตลอดจนเชื่อมโยงแพลตฟอร์มดิจิทัล “Thaitrade.com”ของไทยเข้ากับ Telangana State GlobalLinker”ของรัฐเตลังคานา

“ขณะนี้กําลังจัดโครงการส่งเสริม การจําหน่ายสินค้าไทยร่วมกับซูเปอร์มาร์เก็ตรีไลแอนซ์ ที่เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา รวม 17 สาขา ถือเป็นการประเดิมการดําเนินความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ นอกจากนี้ การจัดพิธีลงนามเอ็มโอยู เป็นหนึ่งในกิจกรรมพิเศษเพื่อร่วมเฉลิมฉลองวาระสําคัญแห่งการครบรอบ 75 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-อินเดียด้วย ” นายจุรินทร์ กล่าว

นายคาลวากุลท์ลา ทารากา รามา เรา รัฐมนตรีบริหารเทศกิจ พัฒนาชุมชนเมือง อุตสาหกรรม เทคโนโลยี สารสนเทศและพาณิชย์ (KTR)รัฐเตลังคานา ผู้แทนรัฐบาลเตลังคานา สาธารณรัฐอินเดีย กล่าวว่า เมื่อ 2 ปีก่อนก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รัฐเตลังคานาได้รับเกียรติจากการเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการของนายจุรินทร์ ในการเดินทางเยือนเมืองไฮเดอราบัดเดือนมกราคม 2563 โดยได้หารือขยายความร่วมมือและการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและรัฐเตลังคานา โดยดีใจที่ได้บรรลุการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลของทั้งสองฝ่าย ที่เป็นความร่วมมือครอบคลุมแทบทุกสาขา ตั้งแต่การลงทุนจนถึงแพลตพอร์มที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการไทยจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ อาทิ การอำนวยความสะดวกให้ได้รับอนุมัติจัดตั้งธุรกิจในรัฐเตลังคานา รวมถึงความช่วยเหลือจัดหาแรงงานและการจัดซื้อจัดจ้างสำหรับภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการบริการ เป็นต้น

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image