เมษา ร้อน! 12 ปี สลายเสื้อแดง รดน้ำสงกรานต์ ‘ประชาธิปไตย’

เมษา ร้อน! 12 ปี สลายเสื้อแดง รดน้ำสงกรานต์ ‘ประชาธิปไตย’

 

เมษา ร้อน!

12 ปี สลายเสื้อแดง

รดน้ำสงกรานต์ ‘ประชาธิปไตย’

Advertisement

เมษายน 2565

ไม่เพียงอุณหภูมิในปรอทจะพุ่งสูงปรี๊ด

ทว่า อุณหภูมิการเมืองภาคประชาชนบนท้องถนนก็ร้อนแรงไม่แตกต่าง

10 เมษายนที่ผ่านมา ก่อนหน้ามหาสงกรานต์ คือวาระครบรอบ 12 ปี 10 เมษายน 2553 เหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงซึ่งเกิดความสูญเสียที่ยากจะลืมเลือน

‘สงกรานต์มหาซน’ บนถนนราชดำเนิน

หน้าอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ผู้คนสวมใส่เสื้อสีแดงเดินทางมารวมตัวเพื่อร่วมงานรำลึกในช่วงบ่ายล้นแยกคอกวัว

ก่อนหน้านั้นไม่ถึงชั่วโมง ห้องประชุมมูลนิธิ 14 ตุลา วนะ และ วจนา วรรลยางกูร บุตรชาย และบุตรสาว กวีผู้ลี้ภัย วัฒน์ วรรลยางกูร เจ้าของรางวัลศรีบูรพา แถลงข่าวเตรียมจัดงานไว้อาลัยซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 เมษายนนี้

13.10 น. พระสงฆ์ 9 รูป เดินทางมาถึง อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ญาติวีรชนร่วมวางผ้าบังสุกุล มีการกล่าวรายชื่อผู้เสียชีวิต 99 ราย ถวายสังฆทาน ก่อนร่วมกันกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ผู้วายชนม์

ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ณ แยกราชประสงค์ แนวร่วมประชาธิปไตยหลากหลายกลุ่ม นัดหมายชุมนุม ‘คาร์ม็อบ ทะลุโลง’ ผูกผ้าแดงไว้อาลัย ก่อนเคลื่อนขบวนร่วมสมทบงานรำลึกที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา

‘คาร์ม็อบ ทะลุโลง’ ผูกผ้าแดงแยกราชประสงค์รำลึกเหตุสลายชุมนุม

ด้าน จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) พร้อมคนเสื้อแดง และญาติผู้เสียชีวิต ร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลที่ สถานีโทรทัศน์ PEACE TV ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันเดียวกัน

13 เมษาฯ มหาสงกรานต์ กลุ่มทะลุฟ้า ผนึก We Volunteer หรือ ‘วีโว่’ จัดขบวน ‘สงกรานต์มหาซน’ แห่หมุดคณะราษฎรจำลองจากสะพานผ่านฟ้าสู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยให้ประชาชนรดน้ำ ก่อนปีนสรงน้ำ ‘พานแว่นฟ้า’ อ่านสารประกาศ ‘การผลิบานครั้งใหม่’ ยืนยันและยืนหยัดในข้อเรียกร้อง

ยังไม่นับประเด็นที่ยังถกเถียงผ่านแถลงการณ์อย่างการรีโนเวท ‘สถาบันปรีดี’ ที่กลุ่มเยาวชนปักหลักเรียกร้องให้มูลนิธิปรีดี พนมยงค์ชะลอการรื้อถอน ซึ่งแม้แต่ฟากฝั่งประชาธิปไตยก็มีความเห็นหลากหลาย

บรรยากาศและการเคลื่อนไหวในช่วงหลังสงกรานต์นับจากนี้ จึงชวนให้ต้องจับตา!

12 ปี 10 เมษาฯ ไม่ลืม ไม่ตาย หัวใจไม่โยกคลอน

ในวันรำลึก 12 ปี 10 เมษาฯ ท่ามกลางมหาประชาชนคนเสื้อแดง ญาติวีรชน นักการเมือง และคนรุ่นใหม่เต็มอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.) อดีตแกนนำ นปช. ปรับไมโครโฟนก่อนกล่าวปราศรัยว่า 12 ปีที่แล้ว คนชั่วอยู่ระยะไกล ปรับองศาปืนติดลำกล้องยิงพี่น้อง อัปยศกว่าที่เราปรับองศาไมค์หลายเท่า

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ปราศรัย 12 ปี ยังไม่มีความยุติธรรม ท่ามกลางคนเสื้อแดงแน่นแยกคอกวัว
‘เดียร์’ ขัตติยา สวัสดิผล รำลึกการจากไปของ เสธ.แดง

12 ปี ถ้าเป็นการเดินทางของเวลาชีวิตคน ก็นับเป็น 1 รอบ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 12 ปีก่อนได้นำพาผู้คนเติบโต สูงวัย แข็งกร้าว อ่อนโรยแรง แต่ในที่สุดก็มารวมกันอยู่ตรงนี้ คนที่เหลือรอดจากการถูกไล่ยิงไล่ฆ่าจะส่งเสียงแบบเดิม ให้คนยิง คนสั่งการทั้งหลายได้รู้ว่า คนเสื้อแดงยังไม่ตาย

“ผมยืนยันคำเดิม ไม่มีอะไรมาโยกคลอนหัวใจนี้ได้ ไม่มีอะไรจะโยกคลอนจุดยืนคนเสื้อแดงได้ เจ็บก็เจ็บด้วยกัน เราสู้มาแล้วสิบกว่าปี คนเราเคยเจ็บมาก่อน เคยตายมาก่อน ทำผังใส่ชื่อพวกเรา ว่าคิดร้ายทำลาย

คุณเคยใส่ร้ายป้ายสีประชาชนที่ใส่เสื้อสีแดง ยัดเยียดผังนั้น และข้อหาให้เรา วันนี้ก็ใส่ร้ายคนหนุ่มสาวด้วยข้อหาแบบเดียวกัน จะให้ผลักไสลูกหลานให้ไปถูกฆ่าแบบเรา เราทำไม่ได้” ณัฐวุฒิกล่าว

ณัฐวุฒิกล่าวต่อไปว่า 12 ปีมาแล้ว ที่เราพิสูจน์ยืนยัน เราเพียงต้องการสิทธิเสรีภาพความเสมอภาคเท่าเทียม ประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยอย่างแท้จริง

“ผมเรียนพี่น้อง อยากจะบอกไปยังผู้มีอำนาจทั้งหลาย ใครก็ตามที่คิดจะกดทับบ้านเมืองนี้ไว้ คุณกำลังไม่เข้าใจความจริงของโลก ฝ่าฝืนขืนใจกฎเกณฑ์ธรรมชาติ สรรพสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ไม่มีอะไรไม่เปลี่ยนแปลง และเมื่อมันเปลี่ยนแปลงมันก็จะไม่หยุดนิ่ง ความเปลี่ยนแปลงเป็นสัจนิรันดร์ตลอดไป เมื่อใดก็ตามที่ผู้คนในสังคมลุกขึ้นเรียกหาความเปลี่ยนแปลง นั่นคือความชอบธรรมของพวกเขา เดินไปตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ เขากล้าที่จะออกมาท้าทายอำนาจจอมปลอม เพราะพวกคุณกำลังฝ่าฝืนสัจธรรมของโลก คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากพลังของคนหนุ่มสาว

คนเสื้อแดงที่สู้มาสิบกว่าปีแล้ว ยังยืนหยัดอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ว่าเราไม่เหนื่อย ไม่เจ็บ ไม่ท้อ ขอให้รู้ว่ายังไงก็ไม่ถอย ไม่มีทางและไม่มีวันถอย เมื่อเราเชื่อมั่นว่ายืนอยู่บนหลักการที่ถูกต้อง ว่ากำลังนำพาบ้านเมืองไปในทิศทางที่ชอบธรรม ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะถอยให้อำนาจยุติธรรม ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่อีกนานแค่ไหนก็ไม่เกินหมดสมัย กลับมาอีกรอบ ก็อยู่ไม่เกินวันตาย แต่ประชาชนจะอยู่นิรันดร์กาล”

จากเจ็บปวด เหน็บหนาว สู่ความอบอุ่นใจ ในอ้อมกอด ‘คนรุ่นใหม่’

ท่ามกลางการเดินทางของการต่อสู้ ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย ภูมิทัศน์ทางการเมือง บริบทฝ่ายประชาธิปไตยก็งอกงามตามเงื่อนไขของเวลา

ณัฐวุฒิมองว่า วันนี้อาจจะแตกต่างจากเมื่อ 12 ปีที่แล้ว เรามีพรรคการเมืองหลายพรรคในฝ่ายประชาธิปไตย เรามีพี่น้องร่วมอุดมการณ์ที่ต่อสู้เคียงบ่าใกล้ไหล่ เป็นผู้สนับสนุนพรรคการเมืองหลากหลายพรรคในฝั่งประชาธิปไตย เรากำลังจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และในสนามเลือกตั้งใหญ่ แน่นอนว่าคะแนนของฝ่ายประชาธิปไตยก็จะมีความหลากหลาย หน้าที่ในการทำคะแนนเป็นหน้าที่ของพรรคการเมือง ในมิติของเงื่อนไข เวลา นโยบาย และแนวทาง

“หัวใจของพวกเรายังต้องทำภารกิจใหญ่ด้วยกันอีกมาก แม้จะมีความแตกต่างในบางมุม ผมก็ยังอยากให้หันหน้าไปในทิศทางเดียวกัน อย่าหน้ามืด ต้องหันหลังพิง ระวังภัยให้กันไปตลอดเส้นทาง” อดีตแกนนำ นปช.กล่าวด้วยแววตามุ่งมั่น ก่อนปิดท้ายด้วยประเด็นคนเสื้อแดงกับคนรุ่นใหม่ว่า

“ถ้าวันนี้ดวงวิญญาณของคนเสื้อแดงจะลุกขึ้นมาแล้วสื่อสารกับพี่น้องได้ ผมว่าเขาอาจจะไม่พูดอะไรมาก นอกจากอยากบอกว่า ที่เขาเสียสละไปเมื่อเห็นหนุ่มสาวยื่นมือมาแสดงความเข้าใจ เห็นใจคนเสื้อแดง ผมเชื่อว่าการสูญเสียนั้นแม้เราไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่มันจะไม่สูญเปล่า คนเสื้อแดงที่หมดลมหายใจไป วันนี้ถูกยกขึ้นมาโดยคนหนุ่มสาวเป็นวีรชนอย่างแท้จริงแล้ว บนถนนราชดำเนิน

ชีวิตของน้องมีค่า วันเวลา ความชอบธรรม และหลักการที่ถูกต้อง จะอยู่ข้างๆ น้อง ถ้าอำนาจไม่ฟังเสียง วันหนึ่งก็จะต้องเผชิญกำลังที่แข็งกล้ากว่านี้มากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ขอให้รอบคอบ รัดกุม

น้องๆ ที่สู้กันต่อ อะไรที่เป็นเรื่องมีคุณค่าของคนเสื้อแดง เอาไปใช้ อะไรที่เป็นข้ออ่อนต้องปรับปรุง ต้องเอาไปคิดพัฒนาต่อไป

ขอบอกไปยังผู้มีอำนาจทั้งหลายที่คิดจะยัดเยียดข้อหา โค่นล้มเด็ก คิดจะใช้ความรุนแรงถึงขั้นปราบปราม สังหารเยาวชน ‘อย่านะ’ บอกก่อน แก่ๆ แบบนี้ก็จะออกมาสู้กับเด็ก เพราะถูกกระทำมาแล้ว ถ้าหากมีกิจ ประการใดที่พอจะเป็นประโยชน์ได้ ขอให้ส่งเสียงมา เห็นพลังของน้องๆ หัวใจผมก็คึกคักตั้งแต่อยู่ในเรือนจำ 12 ปี ของคนเสื้อแดงเหน็บหนาว เจ็บปวด และมาอบอุ่นเอามากๆ เมื่อ 2 ปีให้หลังมานี้ ด้วยอ้อมกอดของคนรุ่นใหม่” ณัฐวุฒิกล่าว

ไม่ทวงอนุสรณ์ เดินหน้าสู้ เย้ยรัฐ ‘มีศัตรูที่น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ’

ในวันเดียวกัน ธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธานที่ปรึกษา นปช. กล่าวรำลึกเหตุการณ์ เมษายน-พฤษภาคม 53 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ใจความสำคัญว่า คนเสื้อแดงไม่เคยลืมการต่อสู้ ไม่เคยลืมวีรชนคนที่ล้มตาย บาดเจ็บ ติดคุก

หมอเหวง โตจิราการ-ธิดา ถาวรเศรษฐ ทำบุญอุทิศผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 10 เมษา 53

ข้อความว่า ‘12 ปียังไม่มีความยุติธรรม’ เกิดขึ้นเพราะบ้านเมืองนี้ยังไม่มีระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ถ้าอำนาจเป็นของประชาชนเมื่อไหร่ ความยุติธรรมของประชาชนจึงจะเกิด เป็นแบบนี้ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน คนทำ คนสั่งการก็ลอยนวล ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่รัฐต้องรับผิดจากการเข่นฆ่าประชาชน ครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อให้ทวงความยุติธรรมกี่ปี ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นต้องร่วมกันเคลื่อนไหว ต่อสู้ ให้ประเทศนี้เคลื่อนไปในทิศทางที่อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนไทยอย่างแท้จริง ไม่ใช่หลอกๆ แบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

“วีรชนเมษา-พฤษภา 53 ไม่มีอนุสรณ์สถาน ไม่มีพวงหรีดจากฝ่ายรัฐ และเราไม่ได้ต้องการ เพราะพวงหรีดของประชาชนคนเสื้อแดงและเยาวชนต่างหาก ที่มีเกียรติอย่างสูงที่จะเอาไว้ ณ ตรงนี้ สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ร่วมการต่อสู้ขับเคลื่อนของประชาชน เราจึงจะได้ความยุติธรรม และอาจจะได้อนุสรณ์สถานของวีรชนเมษา-พฤษภา 53 ด้วยการต่อสู้ เท่านั้น

คนเสื้อแดงจึงเรียนรู้ด้วยการร่วมต่อสู้ ด้วยหลักการและเป้าหมายที่เหมือนกัน โดยเฉพาะการต่อสู้ของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ซึ่งนี่เป็นนิมิตหมายที่ดี เพื่อจะบอกให้รู้ว่า ฆ่าเท่าไหร่ ยุบเท่าไหร่ ก็ยังมีคนต่อสู้ และเกิดใหม่ อย่างมีคุณภาพยิ่งกว่ารุ่นเก่าเสียด้วย ดังนั้นอย่าหวังว่า การฆ่าหรือการยุบพรรค จะทำลายการต่อสู้ของประชาชนได้ ตรงข้าม คุณจะมีศัตรูที่น่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่อายุ 13 ขวบขึ้นมา นี่คือประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยมีมาก่อน” ธิดากล่าว

เยาวชนรดน้ำ ‘(อนุสาวรีย์) ประชาธิปไตย’

พร้อมผลิบานครั้งใหม่ บอบช้ำได้ แต่ไม่ยอมแพ้

ขยับมายังมหาสงกรานต์ 13 เมษาฯ ใน ‘สงกรานต์มหาซน’ คนรุ่นใหม่นำโดยกลุ่มทะลุฟ้าและวีโว่ ชวนหม่ำกุ้งเผาเคล้าบทเพลงหลากหลาย รำวงก็มา หมอลำก็มี แร็พก็มันส์ แต่กิจกรรมสำคัญคือการสรงน้ำหมุดคณะราษฎรจำลอง

‘สงกรานต์มหาซน’ บนถนนราชดำเนิน

รดน้ำอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยให้เบ่งบาน ชำระล้างคราบไคลเผด็จการและสิ่งสกปรก

ธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือ ‘ปูน ทะลุฟ้า’ ตัดริบบิ้นเปิดงาน ชู 3 นิ้วท่ามกลางเสียงโห่ร้อง นำน้ำผสมดอกกุหลาบใส่ถัง ส่งตัวแทนปีนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ชักรอกสรงน้ำพานแว่นฟ้า ก่อนอ่านสารประกาศการผลิบานครั้งใหม่ในศกใหม่หลังสงกรานต์

“เรามารดน้ำอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รดน้ำเมล็ดพันธุ์แห่งประชาธิปไตยในประเทศของเราให้เบิกบาน เพื่อลูกหลานของเราทุกคน ปลูกฝังต้นกล้าแห่งประชาธิปไตยให้ได้เจริญงอกงามในประเทศนี้ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นสัญลักษณ์ทางอุดมการณ์และเจตนารมณ์ เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์มากมาย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่อภิวัฒน์สยาม 2475 จนถึงปัจจุบันที่มีการสลายการชุมนุม ณ สถานที่แห่งนี้มากมาย

“วันนี้ นับเป็นฤกษ์งามยามดี ที่พวกเรามาร่วมรดน้ำสงกรานต์ ณ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งนี้ เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 90 ปีที่ผ่านมา อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยผ่านร้อนผ่านหนาวมานับครั้งไม่ถ้วน การรดน้ำให้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในครั้งนี้ ถือเป็นการชำระล้างสิ่งสกปรกต่างๆ ทางประวัติศาสตร์ เพื่อเป็นสัญญาณในการเริ่มต้นการผลิบานครั้งใหม่ของประชาธิปไตยไทย” ปูน ธนพัฒน์กล่าว

‘โตโต้’ แกนนำวีโว่ รดน้ำหมุดคณะราษฎรจำลอง

ด้าน ปิยรัฐ จงเทพ หรือ ‘โตโต้’ กล่าวว่า การรวมตัวกันในครั้งนี้ เพื่อประกาศให้สังคมได้รับรู้ว่า เราจะร่วมกันรักษา สืบสานภารกิจของราษฎรที่ยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ให้แล้วเสร็จในเร็ววัน

“เราจะหวงแหน ปกป้อง และสดุดีความสวยงามเชิงวัฒนธรรมนี้ ให้อยู่ต่อไปตราบนานเท่านาน ดังนั้น วันนี้เราจะร่วมกันแสดงออกถึงการรักษาปกป้องอนุสรณ์สถานประชาธิปไตยแห่งนี้ อย่างสุดกำลังและความสามารถ ผมจะขอเป็นตัวแทนเชิญชวนพวกเรา ร่วมด้วยช่วยกันมาปัดกวาด ล้างและทำความสะอาดสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของประชาชนแห่งนี้ด้วยกัน

หลังจากตลอดปีที่ผ่านมาเราเองได้เหนื่อยมามากแล้ว และที่แห่งนี้ ก็คงบอบช้ำไม่น้อยไปกว่ากัน” โตโต้ประกาศ

เถลิงศกใหม่ในการเดินหน้าเพื่อประชาธิปไตยที่คนหลากรุ่นพร้อมผนึกกำลัง ฉีกทิ้งคำว่า ‘ศิโรราบ’ ออกจากพจนานุกรมแห่งการต่อสู้จนกว่าวันที่ชัยชนะจะเดินทางมาถึง

อธิษฐาน จันทร์กลม / ณัฏฐ์นรี เฮงสาโรชัย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image