นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นร่างแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทครั้งที่ 1/2565 โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 3 ชุด ได้แก่ หุ้นกู้อายุ 9 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.90 – 3.10% หุ้นกู้อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.60 – 3.80% และหุ้นกู้ อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 4.00 – 4.20% มีกำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนจะมีการประกาศอีกครั้ง
ทั้งนี้ บริษัทฯได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ “BBB+” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2564 สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินงานของบริษัทฯ ในฐานะผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยหุ้นกู้ในครั้งนี้จะเสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ เท่านั้น และคาดว่าจะเปิดให้ผู้ลงทุนจองซื้อในวันที่ 9 – 11 พฤษภาคมนี้ ผ่านผู้จัดการการจัดทำหน่าย 6 ราย ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทหารไทยธนชาต ธนาคารยูโอบี บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอเชีย เวลท์ จำกัด
การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ไปใช้ชำระคืนสินเชื่อธนาคารและหุ้นกู้ของผู้ออกหุ้นกู้หรือบริษัทในกลุ่ม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจ โดยบริษัทฯ เดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ในการดำเนินงาน มุ่งเน้นการผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลแรงดันไฟฟ้าปานกลาง สูง และสูงพิเศษ (Medium – Extra High Voltage) เพื่อรักษาอัตรากำไรในระดับสูง (High Margin) ต่อเนื่องในระยะยาว จากโรงงานทั้งในไทยและเวียดนามทำให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตโดยรวม สำหรับผลิตภัณฑ์แรงดันไฟฟ้าสูงและเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย การเสนอขาย และความเชี่ยวชาญในด้านสายแรงดันไฟฟ้าสูงและสูงพิเศษ และเพิ่มโอกาสในการประมูลงานสำหรับผลิตภัณฑ์ขนาดใหญ่ขึ้น ปัจจุบันโรงงานเวียดนามได้ติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลแรงดันไฟฟ้าสูงและสูงพิเศษแล้ว รวมทั้งห้องทดสอบแรงดันไฟฟ้าสูง ส่งผลให้ STARK สามารถขยายการผลิตได้ด้วยการใช้เงินทุนเพียงเล็กน้อย พัฒนาผลิตภัณฑ์สายเคเบิ้ลใต้น้ำ (Submarine cable) เป็นการเชื่อมต่อโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศ การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Floating Cable) การผลิตสายไฟ HVDC Cable ระบบสายส่งกระแสตรงแรงดันสูง และการผลิตกระแสไฟฟ้าที่ติดตั้งในทะเล (Offshore wind farm) เพื่อรองรับการเติบโตของภาคธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม พลังงานหมุนเวียน รวมถึง อุตสาหกรรมอวกาศและยานอวกาศอีกด้วย
ปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยเป็นผลการเติบโตจากธุรกิจหลักคือ การผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ล รวมถึงเติบโตจากแผนการขยายฐานรายได้เข้าสู่ธุรกิจยานยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตทั่วโลก ประกอบกับมีสายไฟเป็นปัจจัยที่สำคัญและจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงชุดสายไฟตามเทคโนโลยีต่างๆ ทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) 12,000 – 13,000 ล้านบาท โดยเป็นงานทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะทยอยรับรู้ต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้พัฒนาแนวทางที่ยั่งยืนผ่านการควบรวม การซื้อกิจการ และการลงทุน โดยเน้นการส่งเสริมการเสนอขายผลิตภัณฑ์ การขยายและเพิ่มฐานตลาด ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ทั้งในประเทศไทย ประเทศเวียดนาม และต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดที่มีการเติบโตสูง (High-growth markets) โดยได้รับประโยชน์ในการพึ่งพาข้อตกลงระหว่างประเทศจาก FTA (Free Trade Area) ของบริษัทย่อย Thipha Cables ที่จะเอื้อต่อการส่งออก ซึ่งจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในระดับโลกและภูมิภาค โดยได้วางเป้าหมายขยายตลาดส่งออกเป็น 50 ประเทศ จากปีที่ผ่านมาส่งออก 42 ประเทศ เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตขององค์กรอย่างต่อเนื่อง มั่นคงในระยะยาวและสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้แก่ผู้ถือหุ้นต่อไป ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านการผลิตสายไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลอันดับ 14 ของโลก โดย STARK มีเป้าหมายมุ่งเป็นผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลอันดับที่ 10 ของโลกต่อไป