รพ.รามาฯ รับสังคมสูงวัย ผุดหลักสูตรแพทย์ไฮบริด-นวัตกรรมดูแลผู้ป่วยระยะท้ายที่บ้าน

รพ.รามาฯ รับสังคมสูงวัย ผุดหลักสูตรแพทย์ไฮบริด-นวัตกรรมดูแลผู้ป่วยระยะท้ายที่บ้าน

เมื่อวันที่ 26 เมษายน ที่โรงพยาบาล (รพ.) รามาธิบดี ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี แถลงเนื่องในโอกาสวันรามาธิบดี ซึ่งตรงกับวันที่ 3 พฤษภาคม เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จเปิด รพ. ว่า รพ.รามาฯ มีพันธกิจมากกว่า รพ.ทั่วไป ทั้งให้การรักษา ผลิตบุคลากรทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์หลากหลายสาขา กว่า 400 คนต่อปี มีวิจัย และนวัตกรรมต่างๆ อีกจำนวนหนึ่ง ล่าสุด รพ.รามาฯ ยังเตรียมเข้ารับรางวัลคุณภาพแห่งชาติ หรือ Thai Quality Awards ที่ในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้ โดย รพ.รามาฯ เป็น 1 ใน 2 รพ.ที่ได้รับรางวัลนี้

“โดย รพ.ศิริราชพยาบาล ได้ในสาขา Corporation หรือ การบริหารการรักษา ส่วน รพ.รามาฯ ได้รางวัลในสาขา Innovation หรือนวัตกรรม เนื่องจากเราได้แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมทั้งในส่วนของการเรียนการสอน การรักษาพยาบาล การให้การรักษาต่างๆ เช่น การปลูกถ่ายอวัยวะ โดยแนวคิดนวัตกรรมการแพทย์ยุคใหม่เพื่อสุขภาพคนไทยในขณะนี้ มีหลากหลายด้านไม่ว่าจะเป็น นวัตกรรมหลักสูตรแพทย์เชิงผสมผสาน (Hybrid programs) อาทิ การสร้างแพทย์นักบริหาร แพทย์นวัตกร และพยาบาลนักวิจัย รวมถึงแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อคิดค้นเครื่องมือทางการแพทย์ใหม่ๆ วิธีการรักษาแบบใหม่ และเนื่องจากมีนักศึกษาที่สนใจอยากเรียนในสาขาต่างๆ เหล่านี้เพิ่มขึ้น โดยเป็นหลักสูตร 7 ปี เมื่อจบออกมาก็สามารถเข้าทำงานต่อในสายงานที่เรียนมาได้เลย” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าว

ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวว่า ส่วนนวัตกรรมที่จะรองรับสังคมผู้สูงวัย รพ.รามาฯได้เตรียมสร้างศูนย์ฝึกอบรมขนาดใหญ่ สร้างบุคลากรไปดูแลผู้ป่วย เนื่องจากไม่ต้องการให้ผู้สูงอายุไปอาศัยอยู่ที่บ้านพักคนชรา เพราะต่างจากวัฒนธรรมวิถีไทย

Advertisement

“โดยจะผลิตบุคลากรไปดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน หรืออาจจะอาศัยร่วมที่บ้านนั้นๆ เลย ให้ผู้ป่วยมีทั้งผู้ดูแล และได้อยู่กับลูกหลานอีกด้วย รวมถึงผู้ป่วยระยะท้ายที่รู้ว่าสุดท้ายจะต้องเสียชีวิต เราต้องการให้อยู่ที่บ้านและเสียชีวิตที่บ้านท่ามกลางลูกหลานมากกว่าเสียชีวิตที่ รพ. ดังนั้น เราจึงจะจัดผู้ดูแลเข้าไปบริการ ให้ยาแก้ปวด และให้ใช้ชีวิตกับลูกหลาน ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ High Tech แต่ว่า High Touch และยังได้ประหยัดทรัพยากรเตียงไว้ให้กับผู้ป่วยที่จำเป็นจริงๆ ด้วย สำหรับการดูแลผู้ป่วยที่บ้านนั้น เคยมีนวัตกรรมการให้การดูแลคนไข้มะเร็งที่บ้าน หรือ เคมีบำบัดที่บ้าน โดยพบปัญหาว่า คนไข้เมื่อถึงเวลาที่จะต้องได้รับเคมีบำบัด เวลาเข้ารับการรักษาจะเจอปัญหาเตียงไม่พอ ต้องรอจนเลยระยะเวลาที่จะต้องรักษาไป จึงคิดค้นการนำยาใส่ลงไปลูกยาและนำเข้าไปไว้ในเส้นเลือด การนำนวัตกรรมนี้เข้ามาช่วยให้สะดวก รวดเร็ว คนไข้ได้รับการรักษาตามเวลาและมีผลดีจึงได้นำนวัตกรรมนี้เผยแพร่สู่ รพ.อื่นๆ อีกด้วย” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าว

นอกจากนี้ ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าวว่า ยังได้ร่วมมือกับอีกหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น บริษัท SCG ในการคิดค้นนวัตกรรมห้องน้ำเพื่อผู้สูงอายุ ทั้งการเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้าง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ร่วมมือกับกรมธนารักษ์ สร้างศูนย์ Wellness Living รามาธนารักษ์ เป็นรูปแบบตึกสูงคอนโดมิเนียม อยู่อาศัยได้ 30 ปี รับผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป มีการดูแลสุขภาพโดย รพ.รามาฯ มีกิจกรรมให้ทำตลอด รวมถึงมีอาชีพระยะยาวให้ และยังมี Nursing Home ที่ร่วมมือกับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ผลิตบุคลากรไปดูแลผู้สูงอายุตามบ้านอีกด้วย

“แต่สำหรับโครงการที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ คือ จะมีการก่อสร้างอาคารรามาศรีอยุธยา เป็นตึกให้บริการทางการแพทย์ ที่เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีพญาไท และเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟแอร์พอร์ตเรียลลิงค์ ชั้น 2 โดยจะเปิดให้ดำเนินการในปลายปีหน้า” ศ.นพ.ปิยะมิตร กล่าว

ด้าน น.ส.พรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า จุดประสงค์ของการจัดตั้งมูลนิธิรามาธิบดีฯ นั้น เพื่อสนับสนุนพันธกิจต่างๆ ของ รพ.รามาฯ เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยในการให้คนไข้เข้าถึงการรักษา และเป็นช่องทางที่ให้ประชาชนเองช่วยเหลือแพทย์ หากไม่ได้เงินบริจาคจากหลายๆ คน ผู้ป่วยหลายๆ ราย อาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วในวันนี้ ซึ่งรายได้ทั้งหมดที่มีประชาชนบริจาคมาให้จะนำไปช่วยเหลือ ผู้ป่วยยากไร้ สร้างตึก อาคารเพื่อการให้บริการทางการแพทย์ สนับสนุนการวิจัย และการศึกษา โดยประชาชนที่สนใจสามารถบริจาคได้ตามช่องทางของมูลนิธิโดยตรง ได้แก่ โอนเข้าบัญชีมูลนิธิรามาธิบดี หรือแอดไลน์ @RamaFoundation หรือ โทร.0 2201 1111 โดยการโอนเงินไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็จะต้องตรวจสอบจะต้องเป็นชื่อของมูลนิธิฯ เท่านั้น บุคลากร พนักงาน ไม่สามารถนำบัญชีส่วนตัวของตัวเองมาให้โอนได้

“อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่จะเปิดรับบริจาคเท่านั้น มูลนิธิฯ เองยังได้เปิดรับสอนโรงพยาบาล ชุมชน และญาติผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยระยะท้าย ที่อาจจะอยู่ในสถานที่ไกลๆ ไม่สามารถมารักษาได้ในเมือง หรืออาศัยอยู่ต่างจังหวัด เพื่อต่อยอดความรู้ความเข้าใจในการดูแล และอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข” น.ส.พรรณสิรี กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image