ผู้การสุราษฎร์ สั่งตรวจสอบตำรวจชิงรถกระบะลูกค้าเช่า ถูกเจ้าหนี้ทวงด่าสนั่น
เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีเพจชื่อ Bung Jack fc V.2 โพสต์ข้อความ “ผัว ตำรวจไทย จังหวัดสุราษฎร์ธานี สภ.เมือง เอารถส่วนกลางให้เมียใช้…? ตุ๋น เหยื่อ นับหลายล้าน บาท พอเหยื่อตามทวงเงิน หลอกเหยื่อว่าจะเอารถให้แล้วโทรหาผัวตำรวจพาพวกมายึดคืนพร้อมข่มขู่เหตุผลที่ให้ผู้เสียหาย คือคำว่า รถที่ยึดมาจากผู้ต้องหาให้ไม่ได้ คำถามคือ ครอบครัวตำรวจไทย สามารถใช้รถส่วนกลางไปสร้างภาพหลอกเหยื่อได้ด้วยหรือ…? และคลิปวิดีโอ ยาว 3.47 นาที เป็นภาพผู้หญิงโต้เถียงกับผู้ชายผมสั้นเรื่องยึดรถกระบะยี่ห้อฟอร์ด เรนเจอร์ สี่ประตู สีเทา ทะเบียน ขค 4599 สุราษฎร์ธานี ในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน อ.เมืองสุราษฎร์ธานี โดยมีรถยนต์ตำรวจสายตรวจและเจ้าหน้าที่ตำรวจสวมชุดครึ่งท่อน 2 นาย ยืนดูอยู่
ต่อมา ช่วงบ่ายวันที่ 26 เมษายน ที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี นายนรินทร์ มณีธนกรณ์ เจ้าของธุรกิจให้เช่ารถชื่อ “ขับเองสุราษฎร์ธานี ” เข้าพบ พ.ต.ท.วิมนต์ แสงอุทัย รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พร้อมนำหลักฐานการครอบครองรถกระบะคันดังกล่าวของภรรยาตำรวจนายหนึ่งในกลุ่มเพื่อนที่ได้ให้เช่าไปมาแสดง โดยมี ด.ต.ภูวเรศ แป้นปลื้ม ผบ.หมู่งานป้องปราบปราม สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ที่อยู่ในคลิปโต้เถียงกับผู้หญิงมาแสดงตนด้วย
ด้าน น.ส.แพรวไพลิน พรหมแก้ว อายุ 22 ปี แม่ค้าขายสินค้าออนไลน์ ชาว ต.บางไทร อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ที่อยู่ในคลิปโต้เถียงกับ ด.ต.ภูวเรศ กล่าวว่า ภาพในคลิปเป็นเหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 6 เมษายน 2565 โดย น.ส.ดาว แม่ค้าทุเรียนที่เป็นคู่กรณีกับตนได้นัดพบเพื่อเคลียร์หนี้สิน โดยจะให้รถกระบะคันดังกล่าวกับตนไปจำนำเพื่อชดใช้หนี้ แต่มีผู้ชาย(ด.ต.ภูวเรศ)มาชิงเอารถไปจึงเกิดการโต้เถียงขึ้น
สำหรับ น.ส.ดาว ได้รู้จักกันตอนไปซื้อทุเรียน โดย น.ส.ดาวได้ชักตนร่วมลงทุนซื้อทุเรียนมาขายแบ่งกำไรให้ 20-80 เปอร์เซ็นต์ ตอนแรกลงทุนไป 1 แสนบาท ได้กำไร 80,000 บาท จึงลงทุนเรื่อยมาร่วม 2 ล้านบาท แต่ระยะหลัง น.ส.ดาว บ่ายเบี่ยงไม่แบ่งกำไรและพบไลน์ไปชวนคนอื่นอีกจนรู้ว่าถูกหลอกจึงโทรศัพท์ให้มาเจรจากัน ซึ่ง น.ส.ดาว แจ้งจะนำรถไปจำนำเอาเงินบางส่วนคืนให้ตน จู่ๆ มีตำรวจมาเอารถไปจึงคิดว่าตำรวจเป็นพวกเดียวกับ น.ส.ดาว จึงอยากให้ตรวจสอบด้วย
พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า กำชับให้ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ดำเนินการตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นให้ปรากฎชัดเจนต่อสังคมและให้ความเป็นธรรมในการตรวจสอบทั้ง 2 ฝ่ายต่อไป
