จัสติน บีเบอร์ เผยเคยหลงผิดคิดว่า แต่งงานจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างในชีวิต แต่ไม่ใช่ !!!
ชีวิตมีเรื่องเข้ามาให้เรียนรู้กันตลอด หลังจาก ‘แต่งงาน’ จัสติน บีเบอร์ จึงได้เรียนรู้ว่า ที่เขาเคยคิด เคยเชื่อว่า แต่งงานแล้วจะทำให้ปัญหาทุกอย่างในชีวิตของเขาหมดไปนั้น มันไม่จริงเลย
นักร้องซุปตาร์ชาวแคนาดาวัย 28 ให้สัมภาษณ์รายการดิ เอโบร โชว์ (The Ebro Show) ของแอปเปิล มิวสิก เมื่อวันอังคารที่ 3 พฤษภาคม ถึงการแต่งงานกับ เฮลีย์ บอลด์วิน นางแบบสาวสวยชาวอเมริกันวัย 25 ที่จูงมือเข้าวิวาห์เมื่อปี 2561 หลังรู้จักกันมาเกือบ 10 ปี และเคยคบเป็นแฟนกันมาแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนจะเลิกรากันไปว่า
“มันเป็นการเดินทางอีกอย่างของชีวิต ผมยังจำได้หลังจากแต่งงานแรกๆ ผมรู้สึกผิดหวังนิดๆ เพราะผมเคยคิดว่าการแต่งงานจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างของผม แต่แล้วมันไม่ใช่ ” นักร้องหนุ่มคนดัง เล่าให้ เอโบร ดาร์เดน พิธีกรฟัง ก่อนจะบอกต่อว่า “มันรู้สึกเหมือนกับ เราหลอกตัวเอง”
จัสติน แต่งงาน จดทะเบียนสมรส กับ เฮลีย์ นางแบบสาวสวย ทายาทของตระกูลบอลด์วิน ที่มีหลายคนเป็นนักแสดงชื่อดังอยู่ในวงการฮอลลีวูด ที่ศาลนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2561 หลังเปลี่ยนจากสถานภาพชายโสด มาเป็นชายที่มีภรรยาแล้ว จัสตินเล่าให้เอโบรฟังว่า เขายังพบว่าตัวเองตั้งความคาดหวังให้ภรรยาทำหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาไม่เคยทำด้วยตัวเอง
“มันทำให้บางครั้ง ผมแทบไม่อยากมองดูตัวเองในกระจก และเริ่มบอกกับตัวเองว่า บางทีผมอาจไม่ใช่คนแบบที่ผมเคยคิด และผมเชื่อว่านั่นเป็นผลมาจากบาดแผลและประสบการณ์ที่ไม่ดีในชีวิตที่ผมได้ผ่านมา”
ก่อนหน้านี้ จัสตินเคยเล่าถึงความทุกข์ และผลกระทบต่างๆ ที่ได้รับจากการเป็นคนดังตั้งแต่อายุยังน้อย และชื่อเสียงที่ถาโถมเข้ามาขณะยังเด็ก ที่พาเขาไปสู่การเสพยา และมีปัญหาทางสุขภาพจิต และทำให้เขาทำตัวไม่ดีกับแฟนคนก่อนๆ ที่เคยคบกันมา
ระหว่างพูดคุยกับเอโบร นักร้องหนุ่มซุปตาร์เล่าว่า ความมีศรัทธาในพระเยซู ช่วยให้เขาไม่กดดันตัวเองมากเกินไป
อย่างไรก็ตาม หลังใช้ชีวิตคู่มาเกือบ 4 ปี จัสตินและภรรยาเคยให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงชีวิตคู่ ในรายการพอดแคสต์ In Good Faith with Chelsea & Judah Smith เมื่อปลายปีที่แล้วครั้งหนึ่ง และอีกครั้งหนึ่งที่จัสติน ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับนิตยสารจีคิว เดือนเมษายน ปี 2564 ถึงชีวิตแต่งงานช่วงปีแรกว่า เป็นช่วงเวลาที่ชีวิตคู่เปราะบางเหมือน ‘เปลือกไข่’
“ปีแรกของชีวิตแต่งงานเป็นปีที่ยากมาก เราต่างยังขาดความเชื่อใจกัน ”
เฮลีย์ เคยให้สัมภาษณ์รายการพอดแคสต์ In Good Faith with Chelsea & Judah Smith เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2564 เช่นกันถึงความตึงเครียดในชีวิตแต่งงานช่วงปีแรกที่ทำให้เธอเกือบท้อ จนร้องไห้โทรศัพท์ปรึกษาแม่ว่า “ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ไม่มีทางที่ฉันจะทนได้ หากต้องเจอเรื่องแบบนี้ไปตลอดชีวิต”
แต่หลังได้กำลังใจจากแม่ เฮลีย์ก็ว่า เธอตัดสินใจสู้ต่อ “แม่ให้สติ ทำให้ฉันรู้ว่าฉันต่างหากที่เป็นคนเผชิญปัญหาและเป็นคนที่ต้องตัดสินใจ และฉันก็รู้ใจตัวเองดีว่า ฉันรักผู้ชายคนนี้มานานแล้ว และนี่ไม่ใช่เวลาที่จะยอมถอดใจจากเขา ฉันจะไม่ทำเช่นนั้นกับเขาเด็ดขาด ลองนึกดูสิว่าการทิ้งใครสักคนกลางคัน ระหว่างที่เขากำลังอยู่ในช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดในชีวิต มันจะเป็นยังไง และฉันไม่ใช่คนประเภทนั้น ฉันจึงกัดฟันสู้ต่อไม่ว่ามันจะเป็นยังไง แล้วผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่เห็น”
