นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ก้าวต่อไปของบริษัทหลังดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมาครบ 60 ปีในปี 2565 ต้องมองหาช่องทางการขยายธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างรายได้ประจำที่ไม่ใช่โครงการประมูลและก่อสร้างอย่างเดียว เหมือนกับที่บริษัทได้ร่วมพันธมิตรลงทุนก่อสร้างและรับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี สายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง และโครงการสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เพื่อสร้างรายได้ธุรกิจอื่นเพิ่ม จากปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากการก่อสร้างในสัดส่วน 98% รวมถึงต้องปรับตัวพัฒนาทคโนโลยีก่อสร้างให้ทันสมัย เพื่อลดการใช้คนและแก้ปัญหาแรงงานขาดแคลน
” เราทำเป้าหมายแรกสำเร็จแล้ว คือ จากผู้รับเหมารายกลางขึ้นมาอยู่แนวหน้าของวงการ เป้าหมายต่อไปจะทำอย่างไร เพื่อให้บริษัทเติบโตในระยะยาวได้ ซึ่งการเข้าร่วมลงทุนในโครงการพีพีพีก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมาย ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือกว่า 1.1 แสนล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้อีก 3-4 ปี เฉลี่ยปีละกว่า 3 หมื่นล้านบาท โดยปี 2565 คาดว่ามีรายได้เกิน 3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 มีรายได้อยู่ที่ 2.7-2.8 หมื่นล้านบาท ในช่วงโควิดระบาด 2 ปี มีปิดแคมป์คนงาน และไซต์ก่อสร้าง ทำให้รายได้บริษัทลดลง แต่นับจากปีนี้รายได้บริษัทจะกลับมาเหมือนเดิม มีการเติบโตปีละ 10-20%”นายภาคภูมิกล่าว
นายภาคภูมิ กล่าวว่า นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนเข้าร่วมประมูลงานใหม่หลายโครงการ เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี รถไฟชานเมืองสายสีแดงส่วนต่อขยาย รถไฟทางคู่ งานกรมทางหลวง เป็นต้น ส่วนโครงการเมืองการบินอู่ตะเภาอยู่ระหว่างออกแบบ รอภาครัฐออกหนังสือให้เริ่มงาน อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทรับเหมายังประสบปัญหากับแรงงานขาดแคลนและวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้น 20% ในส่วนของบริษัทได้บริหารจัดการโดยต่อรองกับคู่ค้า เลือกจังหวะการซื้อและหารือสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ขอให้ภาครัฐช่วยเหลือเรื่องการชดเชยค่าเคให้สะท้อนความเป็นจริง
