AAI ยื่นไฟลิ่ง เสนอขาย IPO ตุนกระสุนขยายกำลังผลิตรองรับธุรกิจ Pet Food โตกระฉูด รับเทรนด์คนรุ่นใหม่ขี้เหงา

นายเอกราช พรรณสังข์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ AAI เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food) และผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึก (Human Food) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยและเป็นบริษัทแกนหลัก (Flagship) ของการดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงของ กลุ่ม บมจ.เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น หรือ ASIAN เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจในการขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับโอกาสในการเติบโต ดังนั้น ในช่วงที่ผ่านมา AAI จึงได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เป็นที่เรียบร้อย

นายเอกราชกล่าวว่า บริษัทมีวิสัยทัศน์เป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงและอาหารสู่สากล ด้วยคุณภาพ ความปลอดภัย และความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ภายใต้กลยุทธ์ “Level up AAI!” เพื่อยกระดับองค์กรให้พัฒนาและเติบโตให้ทันกับโอกาสทางธุรกิจ และพร้อมปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ผ่านการยกระดับองค์กรในด้านต่างๆ ดังนี้

1.ยกระดับธุรกิจ (Level up our organization) มุ่งเน้นการปรับโครงสร้างองค์กรและโครงสร้างการบริหารงานให้อยู่ในระดับมาตรฐานสากล การเร่งพัฒนาบุคลากร รวมถึงการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อรองรับการเติบโตและโอกาสทางธุรกิจในอนาคต

2.ยกระดับสถานะจาก “ผู้ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์” เพื่อเป็น “คู่ค้าเชิงกลยุทธ์” (Level up our co-developer position to strategic partners) มองหาโอกาสในการพัฒนาความสัมพันธ์ทั้งในกลุ่มธุรกิจที่เป็นต้นน้ำและปลายน้ำ (Up-stream / Down-stream) เพื่อให้การบริหารจัดการด้านห่วงโซ่อุปทานมีความต่อเนื่องและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Advertisement

3.ยกระดับแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงของบริษั เพื่อมุ่งสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก (Level up our own brands) เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงในหลากหลายแบรนด์ เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของกลุ่มลูกค้าในทุกตลาดย่อย (Market Segment) และมีผลิตภัณฑ์ครบทุกประเภท

และ 4.ยกระดับความใส่ใจต่อแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านแผนกลยุทธ์ CHEERS! (Level up cares through CHEERS! strategy) โดยให้ความสำคัญต่อปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และยึดมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืนตามหลักสากลขององค์การสหประชาชาติ

ปัจจุบัน บริษัทแบ่งผลิตภัณฑ์เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1.ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Food) สำหรับสุนัขและแมว ซึ่งครอบคลุมทั้งผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกและผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ด ทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้า และผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท ประกอบด้วย แบรนด์มองชู (monchou) และแบรนด์มาเรีย (Maria) เจาะกลุ่มลูกค้าในตลาดสินค้าพรีเมียม (High-end Market) แบรนด์มองชู บาลานซ์ (monchou balanced) และแบรนด์ฮาจิโกะ (Hajiko) เจาะกลุ่มลูกค้าในตลาดมวลชน (Mass Market) และแบรนด์โปร (Pro) เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีการแข่งขันด้านราคาเป็นหลัก (Low-end Market) และ 2.ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึก (Human Food) ซึ่งมีทั้งในรูปแบบผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าในน้ำปรุงรสและซอสปรุงรส และผลิตภัณฑ์อาหารปรุงสุกพร้อมทาน โดยเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของลูกค้าทั้งหมด นอกจากนี้ ยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้ (By-product) จากการแปรรูปปลาทูน่า เช่น ผลิตภัณฑ์ปลาป่น ผลิตภัณฑ์น้ำนึ่งปลา และผลิตภัณฑ์น้ำมันปลา

Advertisement

กรรมการผู้จัดการ AAI กล่าวอีกว่า ตลาดผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงในปัจจุบันมีศักยภาพการเติบโตสูง ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจากบทวิจัย Fortune Business Insights ที่แสดงให้เห็นว่าภาพรวมตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของโลกในปี 2564 มีมูลค่า 1.1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่มีมูลค่า 8.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตเฉลี่ยมากกว่าร้อยละ 8 ต่อปี และคาดการณ์ว่าแนวโน้มตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของโลกในปี 2572 จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 1.6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 5.03 ต่อปี นับจากปี 2564 อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานของบริษัท คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าอุตสาหกรรม หรือได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 จากปัจจัยหลักคือความนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะกลุ่ม Millennial และ Gen Z เนื่องจากการแพร่ระบาด COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป อยู่และทำงานที่บ้านเพิ่มขึ้น ความนิยมเลี้ยงสัตว์เพื่อคลายความเหงาจึงเพิ่มขึ้นตาม เกิดเป็นเทรนด์การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเสมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัว (Pet Humanization) ส่งผลให้มูลค่าการขายอาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงดังกล่าว อีกทั้งยังมีการจับจ่ายซื้ออาหารว่าง ขนมขบเคี้ยว ให้กับสัตว์เลี้ยงมากขึ้นอีกด้วย โดยบริษัทเตรียมความพร้อมในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพื่อช่วงชิงโอกาสทางการค้าและเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงมากขึ้น

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image