‘สมชัย’ ตอกกลับ ‘เรืองไกร’ หลังร้องสอบ ‘หมอชลน่าน-ส.ส.’ โหวตผ่านปรับลดงบลงทุน’65

‘สมชัย’ ตอกกลับ ‘เรืองไกร’ หลังร้องสอบ ‘หมอชลน่าน-ส.ส.’ โหวตผ่านปรับลดงบลงทุน’65 ชี้เสียงส่วนใหญ่เป็นรัฐบาล-ส.ว. ระบุ ‘อาคม-กมธ.เสียงข้างมาก’ ต้องรับผิดชอบ เผย ‘เสรีรวมไทย’ เตรียมนำประเด็นซักฟอกต่อ ฉะ ‘บิ๊กตู่’ โกหกคำโตปมงบลงทุนต่ำกว่ายอดเงินกู้

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 27 มิถุนายน ที่รัฐสภา นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กล่าวถึงกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ โฆษก กมธ.งบ’66 ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อม ส.ส.รายอื่นที่เห็นชอบในประเด็นปรับลดงบรายจ่ายลงทุนปี 2565 จนต่ำกว่า 20% ว่าเข้าข่ายมีความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 234(1) หรือไม่ ว่า

กรณีดังกล่าวตนเคยตั้งข้อสังเกตว่า พ.ร.บ.งบ’65 มีจุดที่ผิดกฎหมายสำคัญ 2 เรื่องเกี่ยวกับ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 โดย 1.คือยอดงบลงทุนต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ของ พ.ร.บ.งบรายจ่ายประจำปีนั้น แต่ตัวเลขงบลงทุนในปี 2565 กลับอยู่ที่ร้อยละ 19.74 และ 2.เลขของงบลงทุนจะต้องไม่น้อยกว่ายอดเงินกู้ที่กู้มาชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยเลขของงบลงทุนอยู่ที่ 611,000 ล้านบาท แต่ยอดเงินกู้ที่กู้มาอยู่ที่ 7 แสนล้านบาท ซึ่งงบลงทุนต่ำกว่ายอดเงินกู้ และถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งหากเปรียบเทียบกับงบประมาณปี 2566 จะเห็นได้ชัดว่ารัฐบาลได้ทำงบประมาณเกินกว่าเงื่อนไขที่กำหนดไว้ คือเกินกว่า 20% ขณะเดียวกันก็มียอดของงบลงทุนมากกว่ายอดเงินกู้

“หากถามว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ คุณเรืองไกรบอกว่า หมอชลน่านกับ ส.ส.ที่ลงมติจะต้องเป็นฝ่ายที่รับผิดชอบ เพราะถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ แต่หากไปย้อนดูการลงมติที่ผ่านมามี ส.ส.ที่ลงมติผ่านวาระ 2 ด้วยเสียง 257 ต่อ 189 เสียง โดยเสียงทั้ง 257 เสียงนั้นเป็น ส.ส.รัฐบาล และอาจมีฝ่ายค้านบางคนที่เราเรียกว่างูเห่า ฉะนั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฝ่ายค้านเลย เพราะฝ่ายค้านอยู่ใน 189 เสียง

ADVERTISMENT

ซึ่งหากคุณเรืองไกรบอกว่าหมอชลน่านต้องรับผิดชอบ ผมคิดว่าอาจจะมองผิดไป เพราะข้อเท็จจริงนั้นเป็น ส.ส.ของรัฐบาลทั้งหมด ขณะเดียวกันหลังลงมติของ ส.ส.แล้วต้องผ่านการพิจารณาของ ส.ว.ภายใน 20 วัน แต่ยังไม่ถึง 20 วัน ส.ว.ก็ได้มีการประชุมกัน และให้ผ่านงบประมาณอย่างเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนน 200 เสียง ภายใน 6 ชม. และหากจะมองในมุมที่ ส.ส.และ ส.ว.ต้องรับผิดชอบ นี่เป็นตัวเลขที่เราต้องนำไปยืนยันกันว่าใครบ้างเป็นฝ่ายที่ลงมติ อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคเสรีรวมไทย จะนำไปเป็นประเด็นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าแต่ละเรื่องมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง” นายสมชัยกล่าว

นายสมชัยกล่าวต่อว่า การทำผิดทั้ง 2 กรณีนั้นโดยกรณีที่ 1 รัฐบาลจะบอกว่าเป็นการดำเนินงานในขั้นสภา แต่รัฐบาลในฐานะที่เป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเป็นผู้ทูลเกล้าฯ กฎหมายขึ้นไปต้องรับผิดชอบ และในชั้น กมธ. คนที่เป็นประธานคือ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐบาลเป็นเสียงข้างมาก ฉะนั้น จึงต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ และรัฐบาลไม่สามารถปฏิเสธการรับผิดชอบได้

ADVERTISMENT

ส่วนกรณีที่ 2 ที่ตัวเลขงบลงทุนต่ำกว่ายอดเงินกู้ จำนวน 7 แสนล้านบาทนั้น ตนถามตัวแทนของกระทรวงการคลังว่าเหตุใดจึงสามารถกำหนดตัวเลขที่ต่ำกว่า 7 แสนล้านบาทได้ตั้งแต่ในชั้นการชี้แจงงบประมาณ ซึ่งได้คำตอบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า จะมีงบลงทุนจากเงินก้อนอื่น โดยเป็นงบลงทุนจากโครงการที่ให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (Public Private Partnerships : PPP) ซึ่งเมื่อมารวมกันแล้วจะมากกว่า 7 แสนล้านบาท แต่ตัวเลขที่ตนได้จากกระทรวงการคลัง โครงการ PPP ทั้งปีจนถึงขณะนี้อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังขาดอีก 7 หมื่นล้านบาท ฉะนั้น จึงเป็นความผิดที่รัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์พูดคำโกหกคำโตกับสภา

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image