นักสิทธิสตรี จี้ ส.ก.ก้าวไกล ถูกกล่าวหาอนาจารเด็ก แสดงสปิริต พรรคแอ๊กชั่นเร็วไม่พอ ต้องให้ภาค ปชช.ร่วมตรวจสอบด้วย
กรณี นายอานุภาพ ธารทอง ส.ก.พรรคก้าวไกล เขตสาทร ตกเป็นความในคดีอนาจาร หลังมีผู้เสียหาย จำนวน 4 ราย อายุระหว่าง 16-18 ปี เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ว่ามีพฤติกรรมพากลุ่มผู้เสียหายไปที่เคหสถาน ดื่มแอลกอฮอล์ และมีพฤติกรรมเข้าข่ายการคุกคามทางเพศ ซึ่งกำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก โดยล่าสุดพรรคก้าวไกล ได้ออกมาขอโทษประชาชน และเตรียมตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยชี้ว่าหากกระทำผิดจริง คาดโทษสูงสุดคือการขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค นั้น
จากข่าว
– ส.ก.ก้าวไกล เข้าพบ ตร. หลังโดนแจ้งความอนาจารหญิง
– ‘ก้าวไกล’ ช็อก! แถลงยอมรับ ‘ส.ก.เขตสาทร’ ก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศ จ่อฟันขั้นสุด ‘ขับพ้นพรรค’
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่า สิ่งสำคัญเวลาเกิดกรณีอย่างนี้คือ การตอบสนองของพรรคต่อการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนเป็นสิ่งจำเป็น ฉะนั้นการที่พรรคก้าวไกลออกมาแถลงข่าวแสดงความรับผิดชอบอย่างรวดเร็ว อีกทั้งบอกว่าจะจัดการอย่างไร และจะคุ้มครองผู้เสียหาย เบื้องต้นถือว่าใช้ได้
ทั้งนี้ ที่พรรคบอกว่ามีกลไกแก้ปัญหาของพรรคอยู่แล้ว และมีคณะกรรมการวินัย พรรคควรแจ้งว่ามีรายชื่อคณะกรรมการใครบ้าง ประชุมวันไหน ผลประชุมเป็นอย่างไร คือรายงานตลอดว่าทำอะไร มีความคืบหน้าอย่างไร นี่จะทำให้ประชาชนรับรู้และตรวจสอบได้ อย่าทำเหมือนบางที่ที่บอกว่าตั้งคณะทำงานแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าเรื่องไปถึงไหน
และส่วนตัวยังอยากเสนออีกว่า พรรคควรเปิดให้คนนอกพรรคได้ร่วมตรวจสอบกรณีดังกล่าวด้วย อย่างภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง หรือนักวิชาการที่เชี่ยวชาญ เพื่อแสดงให้เห็นว่านี่เป็นการที่ตรวจสอบโปร่งใส เป็นกลางจริงๆ จะไม่มีการช่วยเหลือกัน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเลือกผม แต่เป็นภาคประชาชนคนอื่นๆ อย่างชื่อคุณนัยนา สุภาพึ่ง ที่ปรึกษามูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ ซึ่งเคยเข้าไปช่วยเหลือเคสลักษณะนี้หลายเคสแล้ว
นายจะเด็จกล่าวอีกว่า ส่วนการที่พรรคบอกว่าจะคุ้มครองผู้เสียหาย อยากให้พรรคประสานหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องโดยตรง เพื่อเข้ามาช่วยเหลือผู้เสียหาย เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่ดูแลด้านเด็ก รวมถึงผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยา เข้าไปดูแลด้านจิตใจเด็กผู้เสียหาย ขณะเดียวกันพรรคต้องมีมาตรการที่ไม่ให้ผู้กระทำเข้าไปวุ่นวายกับผู้เสียหาย จนอาจเกิดความหวาดกลัว เนื่องจากผู้กระทำเป็นนักการเมือง
“จริงๆ หากเห็นหลักฐานการกระทำขนาดนี้ เขาควรพิจารณาตัวเอง ถึงการเป็นสมาชิกพรรค และตำแหน่งที่ได้เข้ามาเพราะเครดิตพรรค เขาไม่ควรปฏิเสธ ควรยอมรับความจริง และแสดงสปิริตก่อน ไม่ใช่ให้ตรวจสอบผลชี้ออกมาว่าผิดจริง แล้วค่อยพิจารณาตัวเอง อย่างนี้ยิ่งทำให้เขาดูไม่ดี” นายจะเด็จกล่าว และว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกล และพรรคประชาธิปัตย์ ก็อยากฝากพรรคการเมืองควรยกเป็นกรณีศึกษา ในการจัดทำกลไก ไกด์ไลน์ให้ชัดเจนถึงการคุกคามทางเพศของบุคลากรพรรค จะต้องจัดการอย่างไร รวมถึงจัดอบรมบุคลากรในพรรค ให้เข้าใจเรื่องนี้ด้วย เพราะนักการเมืองมีอำนาจค่อนข้างสูง ปัญหาคุกคามทางเพศ ข่มขืนก็มาจากการกระทำของผู้มีอำนาจเหนือกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ จะได้ไม่เกิดการคุกคามทางเพศในอนาคต