ปิตุฆาต! หนุ่มเสพยาจนเพี้ยน คว้าก้อนหินทุบหัวพ่อ แค้นถูกแจ้งจับบ่อย

ปิตุฆาต! หนุ่มเสพยาจนเพี้ยน คว้าก้อนหินทุบหัวพ่อ แค้นถูกแจ้งจับบ่อย

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 8 สิงหาคม 2565 ร.ต.อ.วิชิต ลาชัย รองสารวัตรสอบสวน สภ.น้ำโสม จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเกิดเหตุฆ่ากันตาย โดยใช้ก้อนหินทุบศีรษะจนเสียชีวิต บริเวณในสวนยางพารา บ้านหยวกน้อย หมู่ 2 ตำบลบ้านหยวก อ.น้ำโสม จ. อุดรธานี จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.เชี่ยวชาญ มีชัย ผกก.สภ.น้ำโสม ตำรวจชุดสืบสวน ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรโรงพยาบาลน้ำโสม และกู้ภัยทางหลวงน้ำโสม รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นสวนยางห่างจากหมู่บ้านทางทิศตะวันออก 500 เมตร พบศพผู้เสียชีวิตอยู่ข้างสระน้ำทราบชื่อคือนายสมใจ  อายุ 71 ปี สภาพศพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อแขนสั้นลาย นุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล ใส่รองเท้าแตะ ใกล้กันมีก้อนหินปูนขนาดเท่ากับลูกบอลตกอยู่ 1 ก้อน ขนาดกว้างประมาณ 20 ซม.ยาวประมาณ 25 ซม.และหนาประมาณ 12 ซม. และถังพลาสติกสีขาวใส่ปลา ผ้าขาวม้ารัดอยู่ที่คอ จากการชันสูตรสภาพศพพบกะโหลกศีรษะแตกทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

เบื้องต้นทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือนายปัญญา  อายุ 37 ปี เป็นลูกชายของนายสมใจฯ ผู้ตาย หลังจากก่อเหตุนายปัญญาฯได้เดินหลบหนีไปตามถนนทางออกบ้านหยวกน้อย ต.บ้านหยวก ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์และชุดสืบสวนได้ติดตามจับกุมตัวได้ ก่อนควบคุมตัวมาที่โรงพัก

จากการสอบสวนนายปัญญาฯ ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนก่อเหตุจริง เนื่องจากพ่อเคยแจ้งตำรวจมาจับตนเองหลายครั้ง แต่รู้สึกว่ารักพ่ออยู่เหมือนกัน ก่อนทำท่าทางประกอบตอนที่ทำร้ายพ่อให้ตำรวจดู สารภาพเคยทำร้ายพ่อมาหลายครั้ง เบื้องต้นได้ทำตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดแต่ไม่พบ ซึ่งผู้ก่อเหตุมีประวัติเคยเสพยาบ้า มีอาการป่วยจิตเวช เคยนำตัวไปบำบัดรักษา พ่อเพิ่งไปรับมาอยู่บ้าน โดยก่อนก่อเหตุจะไปฆ่าพ่อนายปัญญา ได้นำเอาใบไม้และเทียนไปวางไว้ที่เตียงนอนของพ่อเพื่อขอขมา ไม่ให้จองเวรต่อกันในชาตินี้และชาติหน้า

Advertisement

นายวิทยา วอายุ 42 ปี พี่ชายผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า น้องชายติดยาเสพติด ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมต้น ทำให้น้องชายตนป่วยจิตเวช เคยไปนำตัวส่งรักษามาแล้ว 3 ครั้ง น้องชายเคยอาละวาดที่โรงพยาบาล และบอกหมอว่าถ้าออกไปก็จะไปฆ่าพ่อ เพราะน้องชายอาฆาตแค้นและวางแผนมาหลายปีแล้ว ล่าสุดรักษาอยู่ประมาณ 1 เดือน ซึ่งพ่อไปยืมเงินค่าน้ำมันแล้วให้ตนไปรับน้องชายกลับมาที่บ้านเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ปกติพ่อก็จะอยู่กับน้องชายที่ไร่ และจะทะเลาะกันประจำ

“ พ่อต้องขายที่นาและเข้าไปปลูกบ้านในหมู่บ้าน แต่น้องชายก็ตามไปอยู่ด้วย ก่อนคลั่งเผาบ้านที่อยู่ในไร่จนหมด จากนั้นพ่อได้มาอาศัยบ้านของญาติอยู่ เรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวตน ขอให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่ไม่ต่อต้านเรื่องยาเสพติด พ่อตามใจลูกคนนี้มาก ตนเองมีพี่น้อง 3 คน เป็นผู้ชายทั้งหมด ตนเป็นคนกลาง ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นลูกคนสุดท้อง ส่วนจะให้อภัยน้องชายหรือไม่นั้น ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรม จิตใจเขาเป็นจิตอาฆาต เคยคิดจะ ทั้งพี่ชาย และญาติที่จะมาซื้อที่แปลงนี้ ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุด “

Advertisement

นางมณีรัตน์  อายุ 56 ปี ญาติฝ่ายเมียของผู้ตาย เปิดเผยว่า ปกติพ่อลูกคู่นี้ทะเลาะกันบ่อย ก่อนหน้านี้ ผู้ก่อเหตุเคยบอกกับตนว่าได้ทำระเบิดขึ้นมาจะนำไปขว้างใส่พ่อ แต่สุดท้ายระเบิดใส่มือตัวเอง ทำให้นิ้วชี้มือข้างซ้ายขาด ตนได้ต่อว่าและห้ามปรามว่าอย่าได้ทำอีกเพราะมันบาป ส่วนใหญ่ชาวบ้านใกล้เคียงจะได้ยินเสียงทะเลาะกันบ่อย ร้องด่ากันด้วยคำหยาบคาย

ทำร้ายพ่อก็หลายครั้งจนฟันหน้าโยก ตนเองกลับมาอยู่ที่นี่ เพราะจะได้มาช่วยดูแลกันพึ่งพาอาศัยกัน จึงมาปลูกบ้านอยู่ใกล้ๆกัน ก่อนหน้านี้หลานชายก็เคยก่อเหตุใช้มีดไล่ฟันผู้ใหญ่บ้านและไปก่อกวนชาวบ้าน ตนโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหลายครั้ง เหตุการณ์ครั้งนี้คิดว่าเกิดจากยาเสพติด และความอาฆาตแค้นที่มีต่อพ่อเพราะจะฆ่าพ่ออย่างเดียว

พ.ต.อ.เชี่ยวชาญ มีชัย ผกก.สภ.น้ำโสม เปิดเผยว่า เมื่อเช้าผู้ตายได้ถือถังพลาสติกออกมา เพื่อมาจับปลาในสระน้ำ แล้วลูกชายคือนายปัญญา ก็ได้ก่อเหตุฆ่าพ่อตนเอง ด้วยการใช้ก้อนหินทุบหัวกลัวว่าพ่อจะไม่ตายก็เอาผ้าขาวม้าที่พ่อคลุมศีรษะอยู่ เอามารัดคอพ่อซ้ำ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับผู้ก่อเหตุเอาไว้ ขณะเดินอยู่ในพื้นที่ไม่ห่างกันประมาณ 200 เมตร และได้ตรวจหาสารเสพติดแต่ไม่พบ จึงได้แจ้งข้อหา “ฆ่าบุพการี” ซึ่งผู้ตายเคยแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมตัวนายปัญญาฯ เกี่ยวกับการเสพยาเสพติดมาหลายครั้งแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image