ผู้เขียน | จำลอง ดอกปิก |
---|
8ปี(ที่)นับไม่เป็น
มองจากที่มาการเข้าสู่อำนาจ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ครั้งแรก 24 สิงหาคม 2557 ภายหลังนำก่อการรัฐประหาร
จุดเริ่มต้นถกเถียงในข้อกฎหมาย 8 ปีวาระดำรงตำแหน่ง ต้องนับย้อนหลังเริ่มจากวันนี้
นับหนึ่ง วันที่ 24 สิงหาคม 2557
ก็ไม่แปลกหรอกที่ นายกฯเมินเฉย ต่อเสียงเรียกร้อง ของฝ่ายต่างๆ รวมถึงกลุ่ม 99 พลเมือง ขอให้ลาออกจากตำแหน่ง
หรือแม้แต่ทางออก ยุบสภาก็ตาม
และหากมองจาก การเข้ามาดำรงตำแหน่งครั้งที่สอง ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อเดือนมีนาคม 2562 ก็อาจทำให้ยิ่งเข้าใจมากขึ้น เหตุใดบิ๊กตู่ เลือกที่จะขอให้รอ ฟังคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ในการวินิจฉัย ตีความวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐนตรี 8 ปี
ไม่ว่าผลออกมาทางไหนก็เคารพ น้อมยอมรับ
การเข้าดำรงตำแหน่งครั้งที่สองทำให้เกิดเหตุแห่งความสงสัย
ในเมื่อสมัยที่หนึ่งซึ่งทอดยาวกว่า 4 ปี เมื่อรวมเข้ากับสมัยสอง ที่จวนเจียนครบเทอม
24 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ก็ครบ 8 ปีพอดี แล้วจะนั่งเก้าอี้ต่อได้หรือไม่
เนื่องจากรัฐธรรมนูญมาตรา 158 บัญญัติชัดเจน
“นายกรัฐมนตรีจะดํารงตําแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดํารงตําแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตําแหน่ง”
จึงมีผู้ยื่นเรื่อง ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัย
ครั้งแรกการดำรงตำแหน่งนั้น ชัดแจ้งเป็นที่ยิ่ง ว่าเป็นนายกฯจากการรัฐประหาร
ไม่ผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ยึดโยงประชาชน
ครั้งที่สอง แม้มาจากการเลือกตั้ง แต่ก็เป็นการเลือกตั้ง ในนิยามความหมายของประชาธิปไตยในแบบที่มีการเลือกตั้ง มิใช่แบบเสรีประชาธิปไตย อย่างอารยประเทศ
แต่เป็นนายกฯคนแรก ประเดิมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ฉบับที่ถูกเรียกว่า ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา
มีเนื้อหาบทเฉพาะกาล ให้หน้าที่ อำนาจ ส.ว.แต่งตั้งจากกลไก คสช. ร่วมโหวตเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี กับ ส.ส. โดยกระทำร่วมกันในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา
ที่ตกเป็นข้อครหา บทนี้เขียนไว้เพื่อการสืบทอด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เอง ก็ไม่ได้เข้ามาโดยกระบวนการเลือกตั้ง ยึดโยงประชาชนผ่านการเป็น ส.ส.เขต หรือปาร์ตี้ลิสต์
อย่างที่เคยกำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับที่ก้าวหน้ากว่า กำหนดให้ต้องมาจากการเลือกตั้ง
แต่เป็นการออกแบบโยงอ้อมพิเศษ ที่ต้องใช้คำอธิบาย ไม่ใช่สากลนิยม
ฉะนั้น แม้มีเสียงเรียกร้อง
แม้มีผู้นำไปเทียบกับ กรณี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่เมื่อประสบเข้ากับ กระแสความนิยมตกต่ำ มีการคัดค้านและต่อต้าน อดีตนายกฯเปรม
ไม่ขอไปต่อ ลั่นวาจา ผมพอแล้ว
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังยืนหยัด ที่จะดำรงตำแหน่ง
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการเคลื่อนไหว เตรียมการของพรรคการเมือง ที่จะอุ้มไปต่อ เป็นนายกฯคำรบสาม
นั่งเก้าอี้ สืบทอดตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่บทเฉพาะกาล ส.ว.ยังคงมีผลบังคับใช้ ในการร่วมโหวตเลือกนายกฯ
ยิ่งมีคนกระตุกเตือน ต้องฟังเสียงประชาชน
คนที่ฟังผ่าน ลูกน้องบริวาร ไม่ได้สัมผัสใกล้ชิดโดยตรง ก็อาจมองต่าง ไม่เข้าใจ ไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้น
เนื่องจากมีที่มาอีกแบบ หรืออีกเหตุผลก็อาจไม่จำเป็นต้องแคร์
ตราบใดที่รัฐธรรมนูญยังเอื้ออำนวย ปูทางสู่การกลับมามีอำนาจ
และยิ่งให้รอฟังคำตัดสินรัฐธรรมนูญ 8 ปีเริ่มต้นนับจากไหน โดยมองข้ามข้อเท็จจริง 24 สิงหาคม ไม่กี่วันข้างหน้านี้ครบ 8 ปีอย่างมิต้องสงสัย
ก็จะยิ่งเข้าใจ
ทุกอย่างชัดเจน มีที่มา มีที่ไป
ของความมั่นใจเปี่ยมล้นอย่างเป็นพิเศษของ พล.อ.ประยุทธ์
จำลอง ดอกปิก