นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตามนโยบายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอีและรายย่อย พัฒนาศักยภาพและการตลาดผ่านช่องทางการค้ารูปแบบใหม่ เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคนิวนอร์มอล โดยมีเป้าหมายผลักดันความสามารถในการแข่งขันด้านการค้าระหว่างประเทศของไทย เป็น 1 ใน 5 ของเอเชีย ภายในปี 2570
“กรมจึงได้จัดโครงการส่งเสริมแบรนด์ไทยสู่สากล หรือ Thai Brand Fest’22 เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันในตลาดโลก โดยใช้กลยุทธ์การสร้าง Brand Awareness สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการแบรนด์ไทยที่ผ่านการเลือกสรรวัตถุดิบ กระบวนการผลิต ตลอดจนมีการร้อยเรียงเรื่องราวของการสร้างธุรกิจที่มีจุดเด่น เป็นลักษณะเฉพาะไม่เหมือนใคร เพื่อสร้างอัตลักษณ์ให้สินค้าและบริการไทยเป็นที่รับรู้และจดจำแก่ผู้บริโภคทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งโครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในเวทีระดับสากล ให้สามารถต่อยอดการดำเนินธุรกิจตลาดในประเทศและต่างประเทศได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน”
นางสาวประอรนุช ประนุช ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า “โครงการ Thai Brand Fest’22 เน้นส่งเสริมผู้ประกอบการแบรนด์ไทย 2 กลุ่มหลัก กลุ่มที่ 1 คือ กลุ่มแบรนด์ไทยที่สร้างความแข็งแกร่งในการทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการจากโครงการ Idea Lab และ Future Lab จำนวน 30 บริษัท เพื่อร่วมจัด “นิทรรศการต่อยอดแบรนด์ไทยสู่ตลาดสากล หรือ Ready Set Go” ระหว่างวันที่ 17-21 สิงหาคม 2565 สนับสนุนโดย สยามดิสคัฟเวอรี่ และ ODS (Objects of Desire Store) และกลุ่ม 2 คือ กลุ่มแบรนด์ไทยที่มีศักยภาพต่อยอดไปยังต่างประเทศ ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการสมาชิก Thailand Trust Mark (T Mark) และผู้ประกอบการแบรนด์ไทยที่มีศักยภาพในตลาดอินเดีย จำนวน 20 บริษัท เพื่อจัดนิทรรศการสินค้าแบรนด์ไทยในตลาดอินเดีย ณ ห้างสรรพสินค้า Jio World Drive เมืองมุมไบ สาธารณรัฐอินเดีย ระหว่างวันที่ 19-26 สิงหาคม 2565 โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้ง 2 กลุ่ม ได้รับการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมกิจกรรมเป็นเวลา 3 วัน รวมถึงเข้าร่วมกิจกรรมจับคู่เจรจาการค้าออนไลน์กับผู้นำเข้าต่างประเทศภายหลังจากการจัดแสดงนิทรรศการด้วย
ในส่วนของ “นิทรรศการต่อยอดแบรนด์ไทยสู่ตลาดสากล หรือ Ready Set Go” กรมร่วมกับ บริษัทสยามพิวรรธน์ จำกัด นำผู้ประกอบการ 30 แบรนด์ จัดแสดงนิทรรศการเพื่อแสดงศักยภาพของสินค้าแบรนด์ไทยที่ผ่านการบ่มเพาะและเตรียมความพร้อมในการพัฒนาสินค้าเพื่อออกสู่ตลาดโลกในครั้งนี้ แบ่งเป็น 4 กลุ่มสินค้า ประกอบด้วย กลุ่มสินค้าเกษตรและอาหาร 16 แบรนด์ กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม 4 แบรนด์ กลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์และสินค้าหัตถกรรม 7 แบรนด์ กลุ่มสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง 3 แบรนด์ เริ่มแล้ววันนี้ถึง 21 สิงหาคม ณ ครีเอทีฟ แล็บ ชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่ หรือช้อปออนไลน์ผ่าน ONESIAM SuperApp ถึง16 กันยายนนี้
ในวันเดียวกันนี้ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า เพื่อผลักดันสินค้าจีไอของแต่ละพื้นที่ จะมีลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นแตกต่างจากสินค้าประเภทเดียวกันที่มาจากแหล่งอื่น กรมจึงจัดงาน GI Fest โดยรวบรวมสินค้าจีไอจากจังหวัดต่างๆ อาทิ ขนมหม้อแกงเมืองเพชร จ.เพชรบุรี ข้าวเกรียบปลาปัตตานี จ.ปัตตานี ถั่วลายเสือแม่ฮ่องสอน จ.แม่ฮ่องสอน มุกภูเก็ต จ.ภูเก็ต ปลาทูแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม หอมแดงศรีสะเกษและกระเทียมศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ เป็นต้น โดยกำหนดจัดในศูนย์การค้าในเครือเอ็ม บี เค 2 แห่ง แห่งแรก ณ ลาน Center Hall ชั้น G ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ระหว่าง 17-21 สิงหาคม และแห่งที่สอง ณ ลานรอยัล พาร์ค พลาซ่า ชั้น 1 ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ระหว่าง 31 สิงหาคม-4 กันยายน ทั้งนี้ จากการที่กรมส่งเสริมช่องทางการจำหน่ายสินค้าจีไอ จนสามารถสร้างมูลค่าการตลาดแล้ว 42,000 ล้านบาท
