มุสลิมจังหวัดนนท์แบกโลงศพลุยน้ำประกอบพิธีตามศาสนา ชาวบ้านโอดเอาคันกั้นน้ำมาปิดให้ถนนไม่ท่วมแต่ ปชช.เดือดร้อน

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณหน้ากุโบร์ สุเหร่าพระนั่งเกล้า อ.เมือง จ.นนทบุรี ชาวชุมชนสุเหร่าอิดาญาตุลอุมมะฮ์ ช่วยกันแบกโลงเคลื่อนศพ 2 ศพ ลุยน้ำที่ยังท่วมขังบนถนนพื้นที่ชุมชน ประกอบพิธีทางศาสนาที่กุโบร์ตามพิธีศพของชาวมุสลิม โดยมีชาวบ้านในชุมชน เดินลุยน้ำร่วมประกอบพิธีด้วยเช่นกัน ซึ่งชุมชนชาวสุเหร่าที่นี้ อยู่บริเวณด้านหลังซอยข้างโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ถนน นนทบุรี 1 ซอยนนทบุรี 11 ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนท์

พบวันนี้สถานการณ์ปริมาณมวลน้ำยังมีระดับสูงที่ 2.7 เมตร วัดได้ที่สเกลมาตราวัดระดับบริเวณท่าน้ำนนทบุรี ทำให้ประชาชนและพ่อค้า-แม่ค้าชาวสุเหร่าที่ได้รับผลกระทบจากมวลน้ำเอ่อล้นประมาณ 10-45 ซม. ยังต้องลุยน้ำใช้ชีวิตประจำวันกันตามปกติ

นายเอ็ม ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องถามความเห็นชาวบ้านดูก่อนว่าเขาต้องการอะไร เดือดร้อนอย่างไรบ้าง ไม่ใช่อยู่ๆ จะเอาคันกั้นน้ำมาปิดกั้นโดยที่ว่าไม่ให้ชาวบ้านได้รับรู้ข่าวสารอะไรเลย แล้วน้ำที่เอ่อล้นท่วมนี้มันมีขึ้นๆ ลงๆ ตลอด มันไม่เหมือนกับปี 2554 หรือที่อุบลราชธานี ถ้าเอามากั้นมันก็ทำให้บ้านเรือนที่อาศัยอยู่แถวริมแม่น้ำเอ่อล้นขึ้นอีก จากที่ว่าปกติเขาอยู่ก็ลำบากพออยู่แล้ว คำว่าลำบากจะเข้า-จะออก จะเดินจะอะไร ถ้าเกิดท่านมากั้นอีกมันก็เหมือนกับว่าท่านไปซ้ำเติมไปเพิ่มภาระให้กับเขา การกิน การอยู่ การหลับนอนของเขาก็ลำบากอยู่แล้ว ก็เหมือนกับว่าการไปปิดกั้นน้ำมันที่ปลายเหตุ ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ทางโรงพยาบาลพระนั่งเกล้าเขาบล็อกตั้งแต่ข้างใน แต่ของเราจะมากั้นตั้งแต่ข้างนอก น้ำที่อยู่ข้างในมันก็เริ่มเพิ่มขึ้นๆ ตลอด ปริมาณน้ำเวลามันออกไปหน้าถนนมันเลี้ยวซ้ายมันไม่ได้เลี้ยวขวา เพราะถนนมันสูงยังไงมันก็ต้องเลี้ยวซ้ายออกไป แล้วถามว่าเรากั้นหน้าปากซอยไป แต่ใต้สะพานพระนั่งเกล้าที่มีการยูเทิร์นกลับรถมันก็ท่วมอยู่ดี

ดังนั้นประชาชนส่วนใหญ่เขาไม่ได้กินนอนอยู่บนท้องถนนหรือใช้ชีวิตบนท้องถนน ท่านต้องเสียสละให้ถนนนั้นเปียกบ้าง ไม่ใช่ว่าไม่ให้ถนนเปียกเลยเพราะกลัวพื้นมันถลอกหรือยังไงก็ไม่ทราบ แต่ถ้าจะกั้นจริงๆ เอาให้ได้จริงๆ ท่านก็ต้องลงมาพื้นที่มาถามความเห็นชาวบ้าน ความเห็นประธานชุมชน มาถามคนที่มีหน้าที่อำนาจรับผิดชอบอยู่ว่าเขาต้องการยังไงเพื่อให้เกิดการเป็นกลางและเป็นธรรม ไม่ใช่เอะอะอะไรก็กฎหมายบังคับใช้ มันต้องคำนึงถึงนิติรัฐและนิติศาสตร์ด้วยเพื่อให้เกิดความเป็นทำกับชาวบ้านไม่ใช่ว่าเอะอะอะไรก็จะกั้นอย่างเดียว ถ้าถามว่าเวลาเดือดร้อนมีหน่วยงานไหนมาเยียวยามาช่วยเหลือบ้างไหม เต็มที่ก็แค่ถุงยังชีพถุงเดียว ซึ่งตรงนี้ประชาชนเขาซื้อกินเองได้ตนมองอย่างนั้น ท่านบริหารจัดการให้ประชาชนอยู่ดีกินดีก็พอให้เกิดความเป็นกลางและเป็นธรรม ตนเชื่อว่าจะได้ยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย จะได้ไม่เกิดข้อผิดใจถกเถียงกันกับชาวบ้าน

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image