ชูวิทย์ แฉไม่ยั้ง 2 อดีตผู้การสตม.เพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กโจ๊ก”เอี่ยวแปลงวีซ่าทุนจีนเทาทะลักเข้าไทย

ชูวิทย์ แฉไม่ยั้ง 2 อดีตผู้การสตม.เพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กโจ๊ก”เอี่ยวแปลงวีซ่าทุนจีนเทาทะลักเข้าไทย

เมื่อเวลา 14.00น. วันที่ 7 ธันวาคมที่โรงแรมเดวิส  สุขุมวิท 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง แถลงปฏิบัติการทลายภูเขาน้ำแข็งใต้น้ำ กรณีมีตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) คอยอำนวยความสะดวกให้กลุ่มทุนจีนสีเทา พร้อมเปิดหลักฐานการจัดตั้งมูลนิธิรับจดทะเบียนให้คนจีนพักอาศัยในไทยโดยผิดกฎหมาย

นายชูวิทย์ กล่าวว่า สิ่งที่จะพูดไม่ได้เป็นประเด็นการเมือง แต่เป็นการตั้งคำถามไปยังผู้มีอำนาจที่อยู่ในรัฐสภาและทำเนียบรัฐบาล เพราะเรื่องที่เปิดเผยเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น โดยวันนี้จะเน้นไปที่ สตม.ซึ่งเป็นด่านแรก และมีผู้เกี่ยวข้องบางคนส่งเสริมให้ทุนจีนสีเทาเข้าสู่ประเทศ ในรูปแบบขบวนการแปลงวีซ่า ซึ่งชาวจีนที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย เมื่อเข้ามาในไทย จะได้วีซ่านักท่องเที่ยว สามารถอยู่ในประเทศได้ 30 วัน

ดังนั้น เพื่อเปลี่ยนประเภทวีซ่าเป็นวีซ่าสำหรับประกอบธุรกิจ(non b visa) หรืออาสาสมัครมูลนิธิ (non o visa) จึงติดต่อผ่านคนกลาง ที่มีทั้งรูปแบบสำนักงานกฎหมายชาวจีนที่ว่าจ้างคนไทย และรูปแบบบุคคล เพื่อไปสมัครเป็นเจ้าหน้าที่อาสาสมัครของมูลนิธิปรานต์ ฮั่นอวี ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการศึกษาภาษาจีนของเด็กและเยาวชน ซึ่งการเปลี่ยนวีซ่าดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายกับ ตม.รายละ 100,000-300,000 บาท

นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า มูลนิธินี้ เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2561 มีที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านพิมานชื่น จ.ขอนแก่น โดยในปี 2563 มูลนิธินี้มีสมาชิก 2,747 ราย ใน จ.ขอนแก่น และใน จ.กาฬสินธิ์ อีก 907 ราย ซึ่งผู้ที่อำนาจในการขออนุมัติเปลี่ยนวีซ่านั้น ต้องเป็นระดับผู้บังคับการขึ้นไปของ สตม.โดยระหว่างปี 2563-2564 มีการอนุมัติให้ผู้เปลี่ยนประเภทวีซ่าแล้วกว่า 3,325 ราย

Advertisement

ซึ่งนายตำรวจดังกล่าวมียศ พล.ต.ต.ถึง 3 นาย เป็น อดีต ผบก.ตม.4 และ ตม.5 โดยในนี้มี 2 นาย เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจ(นรต.)47 กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ซึ่งนอกจากมูลนิธินี้ และมูลนิธิอื่นรวม 6 แห่ง และมีสมาคมเถื่อนและการอุ้มท้องซื้อพ่อ ฉะนั้น ผบ.ตร.จะต้องจัดการ ไม่เช่นนั้นเมื่อเรื่องเงียบก็จะกลับเข้ามา

“พล.ต.ต. 2 คนนี้ เป็นนรต.รุ่น 47 รุ่นเดียวกับ รองโจ๊ก ถามว่ากล้าจัดการหรือไม่ ผมบอกแล้วว่างานนี้ต้องมีคนไป หรือไม่มึงพัง หรือผมพัง หรือกูลากมึงพังไปกับกู เมื่อรุ่นเดียวกับรองโจ๊ก ถามดูว่ากล้าจัดการไหม เจอรุ่นเดียวกันปวดหัวแล้ว เฉพาะฉะนั้นต้องจัดการตม.เป็นด่านหน้าในการเอาคนจีนเทาเข้าประเทศ …ภายใต้ฐานน้ำแข็งในน้ำคือตม. ต้องทลายทิ้ง ผบ.ตร.ต้องจัดการ ถ้าไม่จัดการอีก 2-3 เดือนทุนจีนเทากลับมาอีก ฝากนายกฯด้วย ช่วยให้ความสำคัญด้วย ทำไมถึงทำอย่างนี้ได้ รองโจ๊กต้องเรียกตม.มาสอบสวนโดยเฉพาะส่วนนี้สำคัญ”นายชูวิทย์กล่าว

นายชูวิทย์ กล่าวว่า กรณีนายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล กล่าวหาว่าตนตกแต่งบัญชีเพื่อเลี่ยงภาษีนั้น ยกตัวอย่างว่าตนเป็นเป็นพ่อค้า เมื่อคิดจะลงทุนก่อสร้างโรงแรมแต่เงินไม่พอ ก็ต้องติดต่อผ่านธนาคาร หากไม่อนุมัติให้กู้ ต้องพูดคุยกับกรรมการเพื่อให้ร่วมลงทุนเพิ่มเติม ถือเป็นเรื่องปกติทางการค้า ทั้งนี้ ในเมื่อมีผู้คิดทำลายตน ต้องถามกลับว่า เจ้าตัวเป็นสรรพากรหรือไม่ หากแต่เป็นตำรวจที่ถูกไล่ออกจากราชการเพราะประพฤติชั่วร้ายแรง ดังนั้น สิ่งที่ต้องมีคือเครดิตหรือความน่าเชื่อถือ

Advertisement

 

อ่านข่าวอื่น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image