‘ชูวิทย์’ ยื่นหนังสือถึง อสส.-ประธาน ก.อ. สอบวินัยอัยการสั่งไม่ฟ้อง ‘ลูก-เมียเสี่ยกำพล’ วิคตอเรีย

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ มายื่นหนังสือร้องเรียนขอให้ตรวจสอบพฤติการณ์ของพนักงานอัยการระดับอธิบดีอัยการ ที่มีคำสั่งไม่ฟ้อง นายธนพล และนางนิภา วิระเทพสุภรณ์ ลูกและภรรยานายกำพล วิระเทพสุภรณ์ คดีค้ามนุษย์และคดีที่เกี่ยวข้องคดีค้ามนุษย์วิคตอเรียซีเครท

นายชูวิทย์กล่าวว่า สืบเนื่องจากการบุกช่วยเด็กสาว อายุ 15 ปี ที่ถูกบังคับค้าประเวณีในมาเลเซีย การสืบสวนพบเกี่ยวข้องกับ อาบ อบ นวด วิคตอเรียซีเครท ในไทย ต่อมามีการบุกตรวจค้นและพบการกระทำความผิดเข้าข่ายค้าประเวณีและค้ามนุษย์ โดยขณะนั้นมีการพิจารณาคดีแยกเป็น 2 สำนวน สำนวนแรกเป็นคดีนอกราชอาณาจักรมีอัยการสูงสุดเป็นผู้มีอำนาจสอบสวน คดีที่ 2 มีการดำเนินคดีกับนายกำพล กับภรรยาและลูกต่อมาศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องในสำนวนคดีนอกราชฯซึ่งในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นคดีดังกล่าวมีการพิพากษาเกินคำขอ ไปวินิจฉัยในส่วนพฤติการณ์ของนายกำพล กับภรรยาและลูก ว่าไม่มีความผิดฐานค้ามนุษย์ จึงเป็นเหตุให้อธิบดีอัยการที่รับผิดชอบสำนวนนำคำวินิจฉัยของคำพิพากษาดังกล่าวมาเป็นเหตุในการสั่งไม่ฟ้องนายธนพล และนางนิภา วิระเทพสุภรณ์ ลูกและภรรยา คงเหลือแต่นายกำพล ซึ่งเมื่อมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องสำนวนจะถูกส่งไปกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อทำความเห็นแจ้งซึ่งอธิบดีดีเอสไอในยุคดังกล่าวก็เห็นตามด้วย ไม่แย้งความเห็นของอัยการคดีสิ้นสุดด้วยการสั่งไม่ฟ้อง แต่ในส่วนนายกำพล ที่ยังสั่งฟ้องอยู่เพราะยังไม่มีอัยการสูงสุดคนไหนกล้าสั่งไม่ฟ้องแต่ที่ตนต้องมาร้องเพราะกระบวนการยุติธรรมต้นน้ำและกลางน้ำมันบิดเบี้ยว

ทั้งที่ต่อมาในคดีนอกราชฯที่ศาลชั้นต้นสั่งยกฟ้องนั้น ต่อมาศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นศาลสูงมีคำวินิจฉัยว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในส่วนของครอบครัวนายกำพลเป็นคำพิพากษาเกินคำขอ พิพากษากลับและลงโทษจำคุกจำเลยในคดีนอกราชฯดังกล่าว โดยที่อัยการกลับนำแค่คำพิพากษาของศาลชั้นต้นมาสั่งไม่ฟ้องลูกกับเมียนายกำพล จนต้องมีการถอนหมายจับและทำให้ลูกและภรรยาของบุคคลดังกล่าวกลับเข้าไปในธุรกิจอาบอบนวดที่มีการค้ามนุษย์อีกครั้ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับสารวัตรซัวด้วยโดยมีลักษณะเป็นหุ้นส่วนกัน ซึ่งความผิดที่สั่งไม่ฟ้องในคดีค้ามนุษย์นั้นเป็นความผิดมูลฐานของข้อหาฟอกเงินซึ่งจะส่งผลต่อการยึดทรัพย์

โดยวันนี้นำเอกสารหลักฐานโดยเฉพาะคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์มายื่นต่อ อัยการสูงสุด ประธาน ก.อ. และ ก.อ.ทุกคนเพื่อพิจารณาตรวจสอบการกระทำของอธิบอดีอัยการคนดังกล่าวรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องว่าได้กระทำความผิดต่อหน้าที่หรือไม่ รวมถึงขอส่งคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เพื่อเป็นพยานหลักฐานใหม่ในการนำมาประกอบพิจารณารื้อฟื้นการสั่งคดีที่สั่งไม่ฟ้องเมียและลูกนายกำพล

Advertisement

นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นตัวแทนรับหนังสือร้องเรียน พร้อมเปิดเผยว่า คดีนี้ เกิดขึ้นประมาณ 4-5 ปี มาแล้วภายหลังรับเรื่องจะเรียนอัยการสูงสุดเพื่อมีคำสั่งโดยรับปากนายชูวิทย์ว่าจะติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยยืนยันว่าหนังสือร้องเรียนจะถึงมือ อสส., ประธาน ก.อ. และ ก.อ.ทุกคน ซึ่งในคดีนอกราชฯที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องก็เป็นอัยการเองที่ยื่นอุทธรณ์จนศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาลงโทษ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image