รวบ หน.ฝ่ายรายได้เขตราชเทวี เรียกรับผลประโยชน์ 3.2 ล้าน แลกเลี่ยงเสียภาษี 40 ล้าน (คลิป)

เมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป., พ.ต.อ.อภิชาต โพธิจันทร์ รอง ผบก.ปปป., พ.ต.อ.ธนวัฒน์ หิ้นยกฮิ่น ผกก.1 บก.ปปป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. นำโดย นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช., นายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช., นายพิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ ผอ.สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ, นายไพโรจน์ นิยมเดชา ผอ.กลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. นำโดย นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2, นายสุภาพ ศิริ ผู้อำนวยการกองอำนวยการต่อต้านการทุจริต, พ.ต.ต.จักรกฤษณ์ ประจันพล ผู้อำนวยการกลุ่มงานอำนวยการด้านคุ้มครองพยาน และเจ้าหน้าที่ ปปง. นำโดย นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย ผู้ช่วย เลขาธิการ ปปง., นายปิยะ ศรีวิกะ ผู้อำนวยการกองคดี 2 และนายภัทระ หลักทอง ผู้อำนวยการกองป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ร่วมกันจับกุม นายประมวล แก้วแสงศรี อายุ 57 ปี หัวหน้าฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตราชเทวี ความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” มาตรา 157 ได้ที่บริเวณลานจอดรถ โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่ แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม.

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งจากผู้เสียหายกรณีเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตราชเทวี ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เรียกรับเงินจากผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ให้บริษัทเข้าไปชำระภาษีโรงเรือนและที่ดิน พฤติการณ์ คือ จนท.สนง.เขต แจ้งให้บริษัทเข้าไปชำระภาษีโรงเรือนและที่ดิน ตามแบบ (ภ.ร.ด.2) และผู้เสียหายมอบหมายให้ ตัวแทนซึ่งเป็นพนักงานของ บริษัทเข้าไปติดต่อและต่อมาตัวแทนของผู้เสียหายกลับมาแจ้งให้ผู้เสียหายทราบว่า จนท.สนง.เขตราชเทวี บอกว่า บริษัทจะต้องชำระค่าภาษีประมาณ 40 กว่าล้านบาท หากนำเอาเงินมาให้ จนท.สนง.เขตราชเทวี รายดังกล่าว จำนวน 3 ล้านบาท จะเก็บเรื่องดังกล่าวไว้ ทำให้บริษัทไม่ต้องชำระเงินจำนวน 40 กว่าล้านบาท

จากนั้นบริษัทให้ตัวแทนติดต่อแจ้งว่ายอดภาษีที่แจ้งมานั้นมีจำนวนสูงเกินจริงซึ่ง จนท.สนง.เขต ตอบว่าเงินที่เคยเสนอไปจำนวน 3 ล้านบาท ขอเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 3,500,000 บาท เพราะต้องเอาไปแบ่งกรรมการอีกหลายท่าน ต่อมาผู้ร้องเรียนแจ้งว่าจะนำพนักงานบัญชีของบริษัทไปขอทราบรายละเอียด ก็ได้คำตอบว่าสามารถลดราคาลงได้เหลือ 3,200,000 บาท ผู้ร้องเรียนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของ จนท.สนง.เขตราชเทวีเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงมาร้องเรียนเพื่อให้ตรวจสอบและในขณะที่ผู้เสียหายได้ให้ถ้อยคำต่อพนักงานสอบสวนอยู่นั้น ตัวแทนของผู้เสียหายได้โทรศัพท์เข้ามาหา และแจ้งว่าได้นัดหมายกับ จนท.สนง.เขตราชเทวี คนดังกล่าวเพื่อให้เข้ามาพบผู้เสียหายในวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา เวลา 14.00 น. ที่โรงแรมฯ เพื่อรับฟังรายละเอียดจาก จนท.สนง.เขตด้วยตนเอง

ADVERTISMENT

ต่อมาวันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. ประสานและวางแผนการจับกุมร่วมกับผู้เสียหายเพื่อกำหนดแนวทางและรวบข้อมูลพยานหลักฐาน จนกระทั่ง จนท.สนง.เขตฯ ขับรถมาที่โรงแรมฯ เพื่อพบตัวแทนผู้เสียหายเพื่อขึ้นไปพบกับผู้เสียหาย โดยทั้งสองพูดคุยเพื่อเจรจาต่อรองกันสรุปได้ว่าผู้เสียหายต้องจ่ายเงินทั้งสิ้นเป็นเงินจำนวน 3,200,000 บาท พร้อมทั้งนัดหมายส่งมอบเงินให้กับ จนท.สนง.เขต วันที่ 4 เม.ย. เวลา 14.00 น.

ต่อมาวันที่ 3 เมษายน เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. ผู้เสียหายนำเงินสดจำนวนทั้งสิ้น 3,200,000 บาท มาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ กก.1 บก.ปปป.เพื่อเป็นพยานหลักฐาน

ADVERTISMENT

ต่อมาวันที่ 4 เมษายน เวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. ร่วมกันวางแผนเพื่อแสวงหาพยานหลักฐานและรวบรวมพยานหลักฐาน โดยให้ ผู้เสียหายนำเงินสดซึ่งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว นำมามอบให้ จนท.สนง.เขต ที่ โรงแรม โดยมีเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณโดยรอบ และเมื่อผู้เสียหายได้ส่งมอบเงินแล้ว จนท.สนง.เขตกำลังเดินทางกลับเมื่อถึงบริเวณลานจอดรถโรงแรม เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานเพื่อเข้าทำการตรวจค้น ขณะทำการตรวจค้น พบว่ามีเงินสด 3,200,000 บาท อยู่ภายในถุงกระดาษสีขาว ที่ จนท.สนง.เขตถือติดตัวมาด้วย เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบเงินสดต่อหน้าผู้ต้องหา พบว่าหมายเลขธนบัตรตรงกับหมายเลขธนบัตรที่ลงบันทึกประจำวันไว้ จึงได้แจ้งพฤติการณ์และข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบ นำส่ง พงส.กก.1 บก.ปปป. โดย พงส. บก.ปปป. จะสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำส่งสำนวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาตามกฎหมายต่อไป
สอบถามผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดในข้อกล่าวหา โดยให้การว่าสิ่งของที่รับมาจากผู้เสียหายนั้นคิดว่าเป็นเอกสาร แต่รับว่ารับสิ่งของดังกล่าวมาจากผู้เสียหายจริง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image