เดินหน้าชน : ภท.สู้ศึก‘ด้ามขวาน’

เมื่อกล่าวถึงพื้นที่ชิงเลือกตั้ง ส.ส.ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายหลังกติกาใหม่ให้มี ส.ส.แบบแบ่งเขตเป็น 400 ที่นั่ง และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 ที่นั่ง ทำให้พื้นที่ถูกเพิ่ม ส.ส.เขตขึ้นมาเป็น 13 ที่นั่ง จากเดิม 11 ที่นั่ง เพิ่มปัตตานีกับนราธิวาสอีกจังหวัดละ 1 เขต เป็นปัตตานี 5 นราธิวาส 5 และยะลา 3 ที่นั่ง

การเลือกตั้งมีความน่าสนใจและเกิดความคึกคักมากขึ้น

ครั้งนี้มีโอกาสพูดคุยกับ สิรภพ ดวงสอดศรี หรือ “พี่ใหญ่” ผู้อำนวยการพรรคภูมิใจไทย ที่ปรึกษา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และเป็น “กุนซือ” หรือผู้กุมบังเหียนการจัดทัพผู้สมัคร ส.ส.ชายแดนใต้ของพรรคภูมิใจไทย โดยเลือกตั้งเมื่อปี’62 ภูมิใจไทยขอมาปักธงและก็ได้มา 2 ที่นั่ง สำหรับการเลือกตั้งในปี’66 พร้อมลงสู้ทุก 12 เขตเลือกตั้ง

สิรภพบอกคำแรกว่า มอตโต “พูดแล้วทำ” พร้อมนำเสนอความจริง ไม่มีบิดเบือนข้อมูล สำหรับพื้นที่ที่พี่น้องชาวมุสลิมอาศัยอยู่กันส่วนใหญ่นั้นถือว่ามีนัยสำคัญมาก เป็นการเคารพทุกคนที่นี่ ถ้าไม่จริงใจก็เท่ากับไม่เคารพเจ้าของพื้นที่

ADVERTISMENT

“12 ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยรู้จักพื้นที่ของตัวเองอย่างดีว่ามีอะไรที่ต้องเข้าไปแก้ไข หรือสนับสนุนให้ดีขึ้น เลยวางแผนว่า จะเดินเคาะประตูอย่างเดียวไม่ได้ ล้าสมัยมากๆ ต้องเน้นตั้งเวทีปราศรัยย่อยสลับกันด้วยในพื้นที่ชุมชนที่สำคัญ โดยเฉพาะตลาดช่วงเย็น เข้าถึงประชาชนส่วนมากที่ต้องออกมาจับจ่ายซื้อของกินของใช้ ผู้เสนอตัวเป็น ส.ส.กับชาวบ้านเหมือนได้มองสบตากัน จะช่วยให้ประชาชนจดจำสิ่งที่เราพูดได้มากกว่าเวทีใหญ่ เขากล้าเข้ามาคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แต่ผมไม่ได้เพิ่งทำช่วงหาเสียงเวลานี้นะ ทำมานานแล้ว ตั้งแต่รู้ว่าจะต้องมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น”

ในฐานะที่สิรภพเป็นชาวปัตตานีโดยกำเนิด ได้สัมผัสวัฒนธรรมหลากหลายของพี่น้องชาวมุสลิมและพุทธทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงบรรพบุรุษ ดังนั้น ก็จะสะท้อนมาที่ตัวผู้สมัครของภูมิใจไทยที่มีความหลากหลายในเรื่องความรู้ การศึกษา ที่มีทั้งวิศวกร หมอ และสายศาสนา บางคนอาจไม่ได้เรียนมาสูงแต่ก็ทำงานการเมืองท้องถิ่นมาก่อน ก็จะสแกนพื้นที่ได้ทุกตารางนิ้ว

ADVERTISMENT

สิรภพยังกล่าวถึงอีกหนึ่งยุทธศาสตร์ คือ เน้นทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ยอมรับว่าพูดไปแล้วเหมือนนามธรรมมาก จับต้องไม่ได้ แต่สามารถรู้สึกถึงใจได้มากกว่า ได้บอกผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนว่า การอ่อนน้อมถ่อมตนในสนามการเมืองต้องเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เดินลงหาเสียงวันแรกแนะนำตัวอย่างไร วันหน้าเติบโตขึ้นก็ต้องเป็นอย่างนั้น สัมผัสแรกของเราจะเป็นภาพจำของประชาชน เคยเห็น ส.ส.หลายคนตกม้าตายก็เรื่องนี้ ที่สำคัญไม่เล่นสาดโคลน เอาดีเข้าตัว โยนชั่วให้คนอื่น พี่น้องชาวมุสลิมเชื่อมั่นว่าการอ่อนน้อมถ่อมตน จริงจังจริงใจเป็นสิ่งสวยงาม ในทางศาสนาพุทธ ก็ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว การทำงานการเมืองไม่มุ่งใส่ร้ายป้ายสีใคร

“ผมอยากให้มองว่า จะชนะหรือแพ้อยู่ที่ประชาชนเลือก อย่างแรกคนแข่งขันต้องแฟร์เกมก่อน จะอยู่ได้นาน กลับมาได้ตลอด หนที่แล้วพรรคภูมิใจไทยยอมรับผลการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนใต้ เคารพเสียงตัดสินของประชาชน ไม่คิดจะร้องเรียน กกต.ให้เสียเวลา บางคนอ้างว่าเราถูกโกง ก็ไม่เป็นไร เหมือนเวลานี้ป้ายหาเสียงของผู้สมัครโดนกรีด ถูกทำลาย อยากให้ไปแจ้งความ แต่ผมบอกไม่ต้องไปเสียเวลา หาคนไปซ่อมแซม หรือเปลี่ยนป้ายใหม่ การหาตัวการไม่ได้ทำให้ดีขึ้น สู้เอาเวลาไปแนะนำประชาชนที่ยังเข้าไม่ถึงจะดีกว่า เพราะเค้าจดจำหน้าเรา มีแผ่นพับแนะนำตัวอยู่แล้ว”

สิรภพยังกล่าวถึงนโยบายหาเสียงภาพใหญ่ของภูมิใจไทยก็จะสอดคล้องกับนโยบายย่อยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เรื่องของปากท้องสำคัญมาก ทั้งการเสนอพักหนี้ 3 ปี หยุดต้นหยุดดอกรวมทั้งลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ หรือจะเป็นเกษตรร่ำรวย คอนแทร็กต์ฟาร์มมิ่ง เหล่านี้คิดมาแล้ว ต้องเอาไปตกผลึกต่อ เชิญนักวิชาการสถาบันการศึกษามาช่วยพิจารณากัน อะไรที่ทำได้ อะไรที่ไม่ควรทำ ถ้านโยบายไหนต้องใช้งบแผ่นดิน ต้องดึงหรือหาจากส่วนไหนมาดูแลประชาชนไม่ให้เดือดร้อนกระเป๋าแผ่นดิน ดังนั้น ทุกอย่างตอบโจทย์หมดทุกกระบวนท่า ที่สำคัญนโยบายเหล่านี้จะออกมาเป็นกฎหมายก็ต่อเมื่อพรรคได้เป็นรัฐบาลบริหารประเทศ

ส่วนเป้าหมายของพรรคภูมิใจไทยจะลุ้น ส.ส.ชายแดนใต้กี่เก้าอี้นั้น สิรภพประเมินวิเคราะห์หมดแล้วจำนวนที่คาดว่าจะได้ แต่ขออุบไว้ก่อน

เสกสรรค์ กิตติทวีสิน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image