น.1 เผย ตั้งทีมสืบสวนสอบสวน คดี ‘จีจี้ เน็ตไอดอล-นตท.’ ใหม่ ยันคดีไม่ซับซ้อน

ความคืบหน้า กรณี ตำรวจ สน.มักกะสันเข้าตรวจสอบเหตุ จีจี้ หรือ น.ส.สุพิชชา อายุ 19 ปี เน็ตไอดอลชื่อดังเสียชีวิต ร่วมกับ นตท.ภูมิพัฒน์ ชัยวณิชยา อายุ 19 ปี นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 2 และเป็นลูกชายของ พล.อ.สมชาย ชัยวณิชยา ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ เบื้องต้นจากรายงานการสืบสวน เจ้าหน้าที่พบว่า สาเหตุสลดนี้เกิดจากปมหึงหวงนั้น

พ.ต.อ.เสนาะ พูนเพชร รักษาการ ผกก.สน.มักกะสัน เรียกประชุมพนักงานสอบสวน เพื่อเร่งรัดและรวบรวมพยานหลักฐาน คลี่คลายคดีให้เกิดความชัดเจน และเป็นธรรมโดยเร็วที่สุด ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างรอผลตรวจพิสูจน์ทั้งผลชันสูตรร่างผู้เสียชีวิตจากแพทย์นิติเวช และผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์จากกองพิสูจน์หลักฐาน โดยเฉพาะเรื่องคราบเขม่าดินปืน เบื้องต้นพบหัวกระสุนตกอยู่เพียง 1 นัด คาดเป็นกระสุนที่ยิงทะลุศีรษะฝ่ายหญิง ส่วนหัวกระสุนที่ยิงฝ่ายชาย คาดว่าถูกฝังอยู่ในศีรษะ ต้องรอความชัดเจนจากผลแพทย์อีกครั้ง

ขณะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้เข้าพบ พ.ต.อ.เสนาะ เพื่อแจ้งสิทธิในกรณีดังกล่าว โดยเบื้องต้นผู้เสียชีวิตจะได้ค่าตอบแทนเป็นเงินจำนวน 30,000 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ค่าจัดการศพใช้จ่ายเป็นเงิน 20,000 บาท ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดูใช้จ่ายเป็นเงินจำนวนไม่เกิน 40,000 บาท ค่าเสียหายอื่นๆ ไม่เกิน 40,000 บาท

ด้าน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า คดีนี้ผบก.น.1 ได้ตั้งทีมสืบสวนสอบสวนใหม่ เนื่องจากทั้งคู่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ตอนนี้รอผลชันสูตรมารวมกับหลักฐานต่างๆ ที่พบในที่เกิดเหตุ วิถีกระสุน ทิศทางกระสุน รวมถึงแวดล้อมต่างๆ เบื้องต้นจากการดูทิศทางกระสุน คาดว่าฝ่ายชายน่าจะเป็นคนก่อเหตุ แต่ก็ต้องรอทาง พฐ. สรุปวิถีกระสุนให้ชัดเจนก่อน และมีข้อมูลจากเพื่อนฝ่ายหญิง พบว่าทั้งคู่ได้ไปเที่ยวพัทยากันในช่วงวันสงกรานต์ ก่อนกลับเข้ามายังที่พัก แต่ในส่วนวันที่ 18-19 เมษายนที่ผ่านมานั้น ยังต้องไล่ดูภาพกล้องวงจรปิด ซึ่งช่วงนั้นฝ่ายหญิงไม่ได้ติดต่อกับเพื่อน จึงไม่แน่ชัดว่าทั้งคู่หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ได้ไปไหนกันอีกหรือไม่ พร้อมยืนยันว่าคดีนี้ไม่ซับซ้อน และตอนนี้ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง รวมถึงยังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนว่ามีตัวละครเพิ่มหรือไม่

Advertisement

ส่วนประเด็นเรื่องปืนที่ใช้ก่อเหตุ เบื้องต้นพบว่า เป็นของฝ่ายชาย เท่าที่ตรวจสอบน่าจะเป็นของคนในครอบครัวของฝ่ายชาย และเป็นปืนที่ใช้ในอาชีพข้าราชการ ซึ่งฝ่ายชายก็ไม่สามารถครอบครองอาวุธปืนได้อยู่แล้ว เพราะในทางกฎหมายหากผู้ที่ครอบครองปืนได้ในวัยเท่านี้ จะต้องได้รับการรับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมายว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน ส่วนเจ้าของปืนจะมีความผิดหรือไม่ ต้องดูว่าเข้าเกี่ยวข้องในเรื่องของความประมาทหรือไม่ แต่กฎหมายยังไม่ได้ระบุ พร้อมยืนยันว่าคดีนี้ทำทุกอย่างในกรอบกฎกติกาของกฎหมาย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image