DEX จัดงานเปิดตัว Ultraman Blazar ยอดมนุษย์คนล่าสุด พร้อมต่อยอดสู่ธุรกิจ Stage Show, Exhibition Event รับบริหารลิขสิทธิ์ภาพยนตร์จากประเทศญี่ปุ่นเต็มตัว รุกลูกค้ากลุ่ม B2B ขยายสู่หัวเมืองทั่วประเทศมากขึ้น ดันมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้น 100 ล้าน
นายกฤษณ์ สกุลพานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดรีม เอกซ์เพรส (เดกซ์) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้จัดงาน “Ultraman Decker Final Tour Journey To Blazar” เพื่อเปิดตัว Ultraman Blazar ยอดมนุษย์คนล่าสุด โดยอุลตร้าแมน ถือเป็นคาแรกเตอร์ที่เติบโตมาพร้อมกับ DEX (เดกซ์) อย่างยาวนาน ได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจจาก Tsuburaya Productions เจ้าของลิขสิทธิ์ประเทศญี่ปุ่น ให้เป็นผู้บริหารลิขสิทธิ์ยอดมนุษย์อุลตร้าแมนแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน ทั้งการดูแลบริหารจัดการลิขสิทธิ์ภาพรวม ได้แก่ การอนุญาตให้ใช้ลิขสิทธิ์ทั้งการตลาด แคมเปญ สินค้า และบริการต่างๆ รวมถึงการออกอากาศผ่านสื่อโทรทัศน์ ภาพยนตร์ และสื่อผ่านโครางข่ายอินเทอร์เน็ต (OTT และ VOD)
นายกฤษณ์ กล่าวว่า งานครั้งนี้จะเป็นการนำ อุลตร้าแมน ที่โด่งดังและเป็นที่นิยมในยุคก่อนมาขยายผลทางการตลาดในปัจจุบัน เพื่อให้แฟนๆ ได้กลับมาคิดถึงอุลตร้าแมนอีกครั้ง รวมถึงการส่งต่อคาแรคเตอร์กันแบบรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นที่รู้จักและนิยมกันอย่างแพร่หลาย
อีกครั้งในปัจจุบัน โดยที่ผ่านมาผลตอบรับดีต่อเนื่อง ได้เรทติ้งผู้ชมกว่า 7 แสนคนผ่านการแพร่ภาพผ่านทางโทรทัศน์ ช่อง 7HD เป็นอีกข้อพิสูจน์หนึ่งที่ย้ำความแข็งแกร่งของคาแรกเตอร์ “อุลตร้าแมน” ในประเทศไทย ซึ่งล่าสุดกำลังจะออกอากาศทางช่อง 7HD กลางเดือนกรกฎาคมนี้ คือ อุลตร้าแมน เบลซาร์ (Ultraman Blazar) ตามการเติบโตต่อเนื่องที่ประเทศญี่ปุ่นยังคงเปิดตัวอุลตร้าแมนซีรีส์ใหม่ๆทุกปี ไปยังประเทศต่างๆ เช่น จีน สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฮ่องกง ไต้หวัน เป็นต้น
นายกฤษณ์ กล่าวว่า ช่วงปลายปีนี้ เดกซ์ จะเริ่มพัฒนาต่อยอดธุรกิจเดิมให้มีความแข็งแกร่งขึ้น โดยก้าวเข้าสู่ธุรกิจ Stage Show, Exhibition รวมถึงการทำ Event รูปแบบใหม่ๆ โดยเลือกจุดยุทธศาสตร์ในการสร้างการรับรู้ในแบรนด์สินค้าภายใต้ลิขสิทธิ์ที่เราถืออยู่ ผ่านกลุ่มเป้าหมาย เหล่าแฟนอุลตร้าแมน เด็ก วัยรุ่นและครอบครัว เพราะเชื่อว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้มีพลังร่วมสนับสนุนคาแรกเตอร์ที่ชอบ ผ่านการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ดีในมุมที่ทุกคนก็เป็นฮีโร่ เป็นอุลตร้าแมนได้ ผ่านกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการในรูปแบบคอนเซปต์งานในด้านแนวความคิดและสิทธิประโยชน์ที่กลุ่มเป้าหมายจะได้รับอย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงการขยายธุรกิจไปสู่การบริหารลิขสิทธิ์ภาพยนตร์จากประเทศญี่ปุ่นอย่างเต็มตัว และธุรกิจร้านค้าปลีกกว่า 20 สาขา โดยมีแผนขยายไปยังหัวเมืองทั่วประเทศมากขึ้น
นายกฤษณ์ กล่าวถึงวิกฤตการณ์โควิด-19 เมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยยอมรับว่ากระทบถึงรายได้ลดลงประมาณ 20% แต่ด้วยการบริหารงานภายใต้สถานการณ์ที่คำนึงถึงปัจจัยทุกภาคส่วน ทำให้บริษัทฯผ่านพ้นและยังคงมีกำไรอยู่พอสมควร ที่สำคัญยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยปีที่่ผ่านมา รายได้ของบริษัทฯ โตขึ้นจากปี 2564 ประมาณ 30% มีกำไรประมาณ 50 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้ บริษัทฯ จะมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถบริหารลิขสิทธิ์ได้แบบครบวงจร และตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี