เฮ!อีกครม.เคาะลดค่าไฟเหลือ3.99บ. เริ่มทันทีบิลงวดก.ย.-ธ.ค.นี้ นายกฯลั่นพ.ย.ค่าแรง400 ไล่บี้คลังรีดเพิ่มภาษีมรดก
เมื่อวันที่ 18 กันยายน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในเสวนาหัวข้อ Future Perfect เปิดมุมคิด พลิกอนาคต ที่สำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐว่า นโยบายของรัฐบาลนโยบายใดทำได้จะทำก่อน ไม่อยากให้รอครบทุกมิติ เช่น เรื่องน้ำมันดีเซล เรื่องค่าไฟ ซึ่งการประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีมติลดค่าไฟฟ้าเหลือ 4.10 บาทต่อหน่วย แม้จะต่ำกว่าที่เอกชนเรียกร้องไว้ที่ 4.25 บาทแล้ว อีกมาตรการระยะสั้นที่ให้ความสำคัญคือการเพิ่มรายได้ โดยก่อนสิ้นปี 2566 จะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาท ซึ่งในส่วนของภาคแรงงงาน เอกชนหลายแห่งมีการให้ค่าแรงมากกว่า 400 บาทอยู่แล้ว ไม่ใช่ 330 บาท ส่วนตัวคาดว่าเดือนพฤศจิกายนนี้จะสามารถประกาศได้ ส่วนคำถามว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ตอีก 10 วัน ต้องเสนอความเห็นให้รัฐบาลต้องชัดเจน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นสพ.ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า สืบเนื่องจากมติ ครม.ครั้งที่แล้วที่ได้รับทราบตามที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มาแจ้งกับที่ประชุม ครม.ครั้งที่แล้วว่าผลการหารือกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) คราวที่แล้ว ข่าวดีที่เราทราบแล้วคือลดค่าไฟฟ้าจากหน่วยละ 4.45 บาทต่อหน่วย เหลือ 4.10 บาทต่อหน่วย
“ปรากฏว่ามาครั้งนี้นายพีระพันธุ์มารายงานเพิ่มเติม มาแจ้งให้ทราบในที่ประชุมว่า ผลการหารือกับ กกพ.มีข่าวดีถึงพี่น้องประชาชนว่าจาก 4.10 บาทต่อหน่วย ราคาไฟฟ้าจะลดลงไปต่ำกว่า 4 บาท เหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย เริ่มมีผลในรอบบัญชีตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป” โฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าว
รายงานข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) แจ้งว่า เบื้องต้นยังไม่เห็นรายละเอียดมติ ครม.ให้ปรับลดค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บกับประชาชนงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2566 ลงมาอยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย ดังนั้น ต้องขอดูรายละเอียดในข้อสั่งการทั้งหมดของ ครม.ก่อน เมื่อชัดเจนแล้ว กกพ.พร้อมปฏิบัติทันที ทั้งนี้ ต้องดูว่า ครม.ให้ทำอย่างไร อาทิ ยืดหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หรือให้บริหารจัดการก๊าซธรรมชาติของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หากกำหนดในข้อสั่งการ ครม. กกพ.จะนำเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด กกพ. เบื้องต้นไม่แน่ใจว่าจะทันการประชุมวันที่ 20 กันยายนนี้หรือไม่
ขณะที่ นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า กรณีนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ทบทวนเรื่องภาษีมรดกนั้น กรมได้รับนโยบายแล้ว อยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียด อาทิ อัตราการเก็บภาษี และโครงสร้างต่างๆ เพราะมีรายละเอียดหลายส่วน เป้าหมายออกภาษีมรดกช่วงแรกอัตราภาษีไม่สูงนัก เนื่องจากช่วงนั้นเป็นภาษีใหม่ ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนกและเกิดแรงต้าน ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปจึงมีการปรับเปลี่ยนให้เกิดความเหมาะสม กรมจะไปศึกษาและดูรายละเอียดภาษีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ภาษีเกี่ยวกับการให้ อาทิ การมอบ โอนทรัพย์สิน ที่ดินในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ เพื่อให้มีความสอดคล้องกัน ส่วนแผนปฏิรูปภาษีในภาพใหญ่ของกรมนั้นจะต้องนำเสนอรัฐบาลอีกครั้ง
