เกษียณสุข…

เกษียณสุข…

ชีวิตมนุษย์หรือคนเมื่อลืมตาเกิดมาในโลกนี้ มีร่างกายอวัยวะที่สมบูรณ์ จิตใจ สมอง สติปัญญา ความรู้ความสามารถ ที่จะศึกษาเล่าเรียน มีความสามารถในการทำหน้าที่การงานที่ตนเองถนัด ชอบ รัก มีความเชี่ยวชาญ ชำนาญการในการทำมาหาเลี้ยงชีวิตตนเอง ครอบครัว รวมถึงหน้าที่การงานนั้นๆ เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมืองในภาพรวมก็นับว่าเป็นพลเมืองที่ดีหนึ่งของชาติบ้านเมือง

“เกษียณ” ในความหมายของพจนานุกรม ฉบับมติชน พ.ศ.2547 หมายถึง สิ้น, หมดวาระที่กำหนด, ครบกำหนดทำงาน, เลิกสิ่งที่เคยทำ คำในความหมายดังกล่าวยังรวมถึงการทำงานของภาครัฐ เอกชน องค์กรสาธารณกุศล หรือองค์กรอื่นใดที่มีบุคคลทำหน้าที่การงานในตำแหน่ง หรือในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เมื่อถึงกาลเวลาหนึ่ง อายุของคนคนนั้น หรือแม้แต่เวลาที่ถูกกำหนดให้ยุติหน้าที่การทำงาน มิอาจจักรวมถึงการกระทำความผิดในตัวบุคคล หน้าที่ ความเจ็บป่วย อุบัติเหตุในชีวิตหรือแม้กระทั่งความตายก็มิได้รวมในความหมายดังกล่าว

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ที่ได้ตราไว้เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2560 ในจำนวน 279 มาตรา หมวด 16 การปฏิรูปประเทศ ในมาตรา 257 (3) ประชาชนมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และในมาตรา 258 ให้ดำเนินการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ ให้เกิดผล อาทิ การเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม การศึกษา เศรษฐกิจ รวมถึงด้านอื่นๆ…

ADVERTISMENT

สังคมไทยเราในความเชื่อหนึ่งทั้งพ่อแม่ปู่ย่าตายาย ญาติพี่น้องยังคงมีความเชื่อว่า การที่บุตรหลานได้รับการศึกษาที่ดีแล้ว การเข้าสู่อาชีพข้าราชการในกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งของเมืองไทยในยี่สิบกระทรวง ตำแหน่งหน้าที่ข้าราชการนับตั้งแต่วันที่สมัครเข้าสอบ การบรรจุ การเป็นข้าราชการจนกระทั่งเกษียณอายุนับว่าเป็นการใช้ชีวิตที่ต้องประคับประคอง การบริหารชีวิตทั้งของตนเอง ทั้งความรู้ความสามารถ ในหน้าที่การงาน เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ถึงวันเกษียณอายุของราชการคืออายุ 60 ปีบริบูรณ์ หลายชีวิตถือว่ามิได้มีความเป็นธรรมดา อะไร เหตุใดที่เขาเหล่านั้นมีชีวิตอยู่ถึงวันเกษียณอายุราชการดังกล่าว…

ภาพลักษณ์หนึ่งของความเป็นข้าราชการก็คือ มีงานทำที่มั่นคง มีเงินเดือนประจำ มีเงินประจำตำแหน่ง หรือมีเงินรายได้อื่นอันเกี่ยวเนื่องกับระบบราชการ มีชุดข้าราชการในการแต่งตัวออกงานพิธีการต่างๆ ในระบบราชการและในงานที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ประเพณีวัฒนธรรม สิ่งหนึ่งที่มองเห็นชัดเจนก็คือระบบการจ่ายตรงในการดูแลรักษาความเจ็บป่วยทั้งตนเองและครอบครัว รวมถึงเงินบำนาญที่รัฐบาลได้จ่ายให้เพื่อดูแลตนเองหลังจากเกษียณอายุราชการก็คือ เงินบำนาญ…

ADVERTISMENT

หลากหลายชีวิตที่เข้ารับราชการ หากมองจากครอบครัว ญาติพี่น้อง สังคมก็จะเห็นว่า มีเกียรติมียศ มีตำแหน่ง เป็นที่น่าเคารพนับถือ น่าจะมีชีวิตอยู่ยาวนานไปถึงวันเกษียณอายุราชการ หลายๆ คนไปไม่ถึงฝั่งหมายถึง มีอุบัติเหตุชีวิตที่เกิดขึ้นระหว่างรับราชการ อาทิ การผิดวินัยร้ายแรง การกระทำความผิดกฎหมายอาญาของประเทศ ความเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง อุบัติเหตุ การฆ่าตัวตาย มิอาจจักรวมถึงการลาออกจากราชการก่อนวันเกษียณอายุ…

มีชีวิตของข้าราชการจำนวนหนึ่งผ่านชีวิตวันวานแห่งการเกษียณมา หลายคนสภาพร่างกายแข็งแรง จิตใจเข้มแข็ง มีอายุยืนหลายคนมีอายุถึงเก้าสิบปี เขาเหล่านั้นเป็นที่พึ่งให้ลูกหลานทั้งระบบเศรษฐกิจ การดูแลชีวิตร่างกาย การอบรมสั่งสอนบุตรหลานให้เป็นคนดีของสังคม ความเจ็บป่วยของร่างกายในโรคต่างๆ เมื่อย่างก้าวเข้าสู่วัยชราเป็นสิ่งปกติของชีวิต แต่สิ่งเหล่านั้นผู้สูงอายุก็สามารถประคับประคองชีวิตเพื่อเป็นพลเมืองดีของประเทศ ส่งต่อเมืองไทยเรานี้ให้ลูกหลานได้ช่วยกันดูแลกันต่อไป ความเชื่อ ความฝัน ความคาดหวังหนึ่งของผู้สูงอายุ คนวัยเกษียณได้ฝันไว้…

“เกษียณสุข” ในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน และเหล่ารัฐมนตรี 20 กระทรวงจะประคับประคองรัฐนาวาสยามเมืองยิ้มให้ไปอย่างตลอดรอดถึงฝั่งสี่ปีแห่งความเป็นรัฐบาลได้อย่างสงบ สันติ ปลอดภัยได้ถือว่ามิธรรมดา สังคมไทยเราในข้อเท็จจริงหนึ่งยังคงมีสภาพปัญหาทั้งระบบเศรษฐกิจ การเมือง สังคม เทคโนโลยี ความคิด ความเชื่อ ความรู้ คนไทยจำนวนมากยังอยู่ในสภาพความยากจน หนี้สินในชีวิต ปัญหาอาชญากรรมลัก วิ่ง ชิง ปล้น ฆ่า อาวุธสงคราม ยาเสพติด โรคระบาดร้ายแรงของชีวิต ปัญหาคนแก่ คนชราผู้สูงอายุ คนไร้บ้าน คนต่างด้าวที่เข้ามากระทำความผิดในเมืองไทย รวมถึงสภาพปัญหาอื่นๆ

ระบบการทำงานทั้งของรัฐบาลและเอกชนตั้งแต่เมืองไทยเรามีรัฐธรรมนูญฉบับแรกของไทยที่ชื่อว่า “พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม ชั่วคราว พ.ศ.2475” เมื่อมาถึงยุคปัจจุบันเมืองไทยเรามีรัฐธรรมนูญมาแล้ว 20 ฉบับ รัฐบาลที่ผ่านรัฐธรรมนูญในแต่ละฉบับก็มีความพยายามที่จะทำงานให้เมืองไทยเรามีความเจริญรุ่งเรือง ทันสมัย ก้าวหน้าเสมือนนานาประเทศ ผ่านทรัพยากรบุคคลของประเทศในภาคส่วนต่างๆ ระบบงานต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง คำถามหนึ่งก็คือ ผู้คนที่ผ่านอายุ 91 ปี ตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญฉบับแรกจนกระทั่งถึงปัจจุบัน มีความสุขแค่ไหน เพียงไร อย่างไร…

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ปยุตโต) ท่านได้ให้ข้อคิดในความสุขของชีวิต 4 ระดับ ก็คือ (1) ความสุขจากการเสพวัตถุ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นความสุขจากสิ่งภายนอกต้องแสวงหา ต้องเอา ดิ้นรนทะยานเสพในวัตถุนิยม บริโภคนิยม เงินนิยม ท่านจึงมีคำเตือนที่ว่า เราอย่าสูญเสียอิสรภาพนี้ไป พร้อมทั้งอย่าสูญเสียความสามารถที่จะเป็นสุข…

(2) พัฒนาคุณธรรม มีความรัก ความเมตตา ความกรุณา มีความศรัทธาในพระศาสนา ศรัทธาในการทำความดี ศรัทธาในการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมประเทศชาติ หรือมีความสุขการการให้ ให้อภัยไม่ถือโทษโกรธเคือง ให้โอกาสกับคนที่มีความทุกข์เดือดร้อนกว่าตนด้วยปัญญาความรู้ที่ถูกต้อง

(3) ความสุขที่เกิดจากการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ไม่หลงอยู่ในโลกที่สมมุติหลอกล่อ ความสุขที่ไม่จีรังยั่งยืน ทำตนให้แปลกแยกจากความจริงของธรรมชาติ ไม่มัวเมาจากทรัพย์สิน เงินทอง บ้านที่ดินรถยนต์ เครื่องประดับความงามของชีวิต วางจิตใจ อารมณ์ สติปัญญาให้ถูกต้องชีวิตและความสุขก็จะเกิดความสมบูรณ์

(4) ความสุขจากความสามารถปรุงแต่ง ซึ่งเป็นความสามารถหนึ่งของมนุษย์ ปรุงแต่งความทุกข์ ความสุข ปรุงแต่งความคิดสิ่งประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ทำลายจนกระทั่งมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยต่างๆ เกิดขึ้นในโลกนี้ ผู้คนส่วนหนึ่งเก็บความทุกข์มาไว้ในชีวิต อาทิ ความไม่สบายใจ ขุ่นมัว เศร้าหมอง อิจฉาริษยา โกรธ เจ็บใจ ว้าเหว่ เหงา ถูกทอดทิ้ง การถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะผู้สูงอายุต้องระมัดระวังให้มาก ต้องรู้จักปล่อยวางเมื่อวันหนึ่งมาถึงวันหนึ่งของชีวิตก็ต้องปล่อยวางร่างกายกว้างศอก ยาววา หนาคืบไว้กับแผ่นดิน…

นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ได้แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ระหว่างวันที่ 11-12 กันยายน 2566 นโยบายด้านสังคมก็คือ ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเข้าสู่สังคมสูงวัยแบบสมบูรณ์มากกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนประชากร ส่งผลต่อศักยภาพทางเศรษฐกิจ การลดลงของประชากรช่วงวัยทำงาน มีแนวโน้มที่รัฐจะต้องให้การดูแลช่วยเหลือเพิ่มขึ้น ผู้สูงวัยที่มากขึ้นเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อฐานะทางการคลังของรัฐบาล ทั้งในเรื่องของสวัสดิการและงบประมาณสาธารณสุข ขณะที่การสร้างทรัพยากรมนุษย์เพื่อมาทดแทนกลายเป็นความท้าทายจากจำนวนเด็กเกิดใหม่ในแต่ละปีมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง (มติชนรายวัน 13 กันยายน 2566 หน้าพิเศษ 5)

นโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ได้แถลงต่อรัฐสภาดังกล่าว ดูเสมือนว่าจะสร้างความวิตกกังวลต่อชีวิตในความทุกข์ ความสุขของวันเวลาข้างหน้าที่จะมีลมหายใจที่ต้องการตายดีในคนแก่ชรา ผู้สูงอายุที่รวมถึงผู้ที่เกษียณราชการไปด้วยหรือไม่อย่างไร…

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image