ความรุนแรงแม้จะเกิดขึ้นเป็นประจำบนโลกใบนี้ แต่ดูเหมือนว่าระยะหลังความรุนแรงกำลังเกิดขึ้นใกล้ตัวคนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ เหตุการณ์เด็กวัย 14 ยิงคนเดินห้างสรรพสินค้าเสียชีวิตนั้น ล่าสุดแพทย์ได้ลงความเห็นว่าไม่ได้ป่วยเป็นโรคจิตอย่างที่เข้าใจ ทำให้ต้องเร่งถอดบทเรียนกรณีดังกล่าวให้ได้ ว่าเหตุใดเด็กอายุขนาดนี้จึงกล้าลงมือพรากชีวิตของผู้อื่น และหลังจากถอดบทเรียนแล้ว จำเป็นต้องแสวงหาทางป้องกันยับยั้งความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะเป็นการกวาดล้างอาวุธ การเข้มงวดการพกพาอาวุธ การตรวจสอบการพกพาอาวุธในที่สาธารณะเป็นประจำ เพื่อให้ผู้ประสงค์ร้ายไม่กล้าจะใช้ความรุนแรง
สถานการณ์ความรุนแรงมิได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย แต่ต่างประเทศก็ปรากฏเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ ว่าผู้มีอำนาจมักตัดสินใจใช้ความรุนแรงต่อกัน กรณีของรัสเซียและยูเครนนั้นเกิดเหตุแล้วจนปัจจุบันยังไม่สามารถหยุดความเสียหายได้ กรณีของอิสราเอลและฮามาส นอกจากจะทำให้คนอิสราเอลและปาเลสไตน์เสียชีวิตจำนวนมากแล้ว ยังทำให้คนไทยและคนชาติอื่นๆ ที่เข้าไปทำงานเสียชีวิตด้วย และล่าสุดเกิดเหตุการณ์ช็อกโลกเมื่อมีการถล่มโรงพยาบาลในเมืองกาซาจนมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
เหตุการณ์ความรุนแรงเช่นนี้ยังเกิดที่ประเทศเบลเยียม เมื่อมีผู้ก่อเหตุกราดยิงจนมีแฟนบอลชาวสวีเดนเสียชีวิต และมีผลทำให้การแข่งขันฟุตบอลคู่ดังกล่าวต้องงดไปเพราะไม่ยอมรับความรุนแรงที่เกิดขึ้น สถานการณ์ความรุนแรงเช่นนี้แม้บางทีอาจแลดูไกลตัวประเทศไทย แต่จริงๆ แล้วทุกนาทีเหตุร้ายอาจจะเกิดขึ้นในประเทศไทยเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นทุกครัวเรือน ทุกหน่วยงาน มีหน้าที่ที่จะตอกย้ำหนทางการป้องกันความรุนแรงเช่นนี้
การป้องกันเหตุความรุนแรงอาจจะต้องเริ่มต้นจากครอบครัว โรงเรียน องค์กรต่างๆ ที่ต้องเอาใจใส่และต่อต้านการใช้ความรุนแรงในการตัดสินปัญหา ขณะที่หน่วยงานรัฐต้องจัดการกับโอกาสที่จะเกิดความรุนแรงขึ้นในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงระหว่างรัฐ ความรุนแรงระหว่างกลุ่มคน หรือความรุนแรงระหว่างบุคคล ยิ่งประเทศไทยเพิ่งหายจากอาการบอบช้ำจากความรุนแรงทางการเมืองไปไม่กี่ปี และกำลังคลี่คลายการตกอยู่ภายใต้กลไกของการรัฐประหาร ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวัง มิให้เหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นซ้ำ และซ้ำเติมอนาคตของประเทศที่กำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าอยู่ในขณะนี้