เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 22 ตุลาคม ที่โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.) กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา และนายพิชิต ไชยมงคล นัดรวมพลขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งพักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 ของอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา รพ.ตำรวจ หลังเข้ารักษาตัวครบ 60 วันเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา
นายพิชิตกล่าวว่า การเข้าเยี่ยมเพื่อตรวจสอบว่านายทักษิณ นั้นเข้าพักรักษาตัวอยู่บริเวณชั้น 14 จริงหรือไม่ รวมทั้งข้อเท็จจริงอาการเจ็บป่วยจริงเท็จอย่างไร ประกอบกับต้องการคำตอบจากทีมแพทย์ที่ให้การรักษาว่า นายทักษิณจะเข้าเรือนจำได้เมื่อไหร่
ก่อนหน้ามีรายงานว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) รับผิดชอบคดีด้านความมั่นคง ประสานแกนนำ คปท.ว่าประสานให้ส่งตัวแทนเข้าไปพูดคุยกับแพทย์ใหญ่ รพ.ตร.เพื่อสอบถามอาการรวมทั้งขั้นตอนการปฏิบัติกับนายทักษิณ
โดย คปท.ส่งนายนัสเซอร์ เข้าไปเจรจาขอพบแพทย์ใหญ่ ต่อมาผู้สื่อข่าวสอบถาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รับการยืนยันว่าได้ประสาน พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจแล้ว แต่จะให้เข้าพบเวลาใดนั้นขึ้นอยู่กับทาง พล.ต.ท.โสภณรัชต์ และจะให้ใครเข้าพบบ้างขึ้นอยู่กับดุลพินิจเช่นเดียวกันการจะให้เข้าไปทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ เพราะจะเป็นการรบกวนผู้ป่วยคนอื่น ด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยทางตำรวจ สน.ปทุมวัน มาดูแลความปลอดภัยบริเวณประตูเข้า-ออก 20 นาย
นายพิชิตกล่าวฝากคำถามถึงกรมราชทัณฑ์ว่า ทำไมนักโทษคนอื่นไม่เคยได้รับสิทธิแบบนี้ พร้อมกับยกตัวอย่างนักโทษทางการเมืองคนอื่น เช่น นายเอกชัย หงส์กังวาน และพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” ที่เคยป่วยหนักแต่ยังถูกรักษาในโรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ สังคมตั้งคำถามมากมาย แทนที่จะออกมาพูดความจริงกับประชาชน เพียงแต่ไม่กล้าพูด เพราะกลัวว่า ถ้าพูดไปแล้วนายทักษิณจะต้องกลับไปอยู่ในเรือนจำ
นอกจากนี้ กลุ่ม คปท.ตั้งคำถามไปถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ แพทย์ใหญ่ รพ.ตร. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรม ว่า “เหตุผลที่ป่วย ป่วยเป็นอะไร ทำไมถึงไม่มีใครออกมาตอบได้ แล้วที่บอกว่านายทักษิณผ่าตัด ผ่าตัดอะไร ผ่าตัดปอดหรือเปล่า ปอดแหกจนต้องผ่าตัดเลยหรือ” การที่ออกมาทำกิจกรรมดังกล่าวยืนยันว่า ต้องการให้ระบบความยุติธรรมมีความยุติธรรมสมชื่อ สังคมมีคำถามว่าระบบความยุติธรรมกำลังถูกข้าราชการบางคนเอื้อประโยชน์ให้บุคคลที่มีอิทธิพลเหนือรัฐบาล
จากนั้นหลังแกนนำ คปท.เข้าเจรจา นายนิติธรยืนยันหนักแน่นว่า ต้องการให้แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ ออกมาอธิบายถึงอาการป่วยของนายทักษิณว่า ถ้าหากนายทักษิณเคลื่อนไหวปกติ นอนปกติ และกินอาหารครบ 3 มื้อได้ตามปกติหรือไม่ แพทย์ต้องประเมินว่าควรไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ แต่ผ่านมา 60 วันยังไม่มีใครตอบได้ว่าป่วยด้วยโรคใด หากวันนี้ไม่ได้คำตอบจะปักหลักค้างคืนหน้า รพ.ตำรวจ และพร้อมจะนำสิทธิเสรีภาพของตัวเองแลกกับความยุติธรรมของกฎหมายไทย
ต่อมาตำรวจเชิญตัวนายนิติธร เข้าไปในอาคารโรงพยาบาลโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นนายนิติธร ออกมาแจงกับสื่อฯ ว่าพบพูดคุยกับ พล.ต.ต.กิตติ์ธนทัต เลอวงศ์รัตน์ รองนายแพทย์ใหญ่ ชี้แจงว่าทาง รพ.มีหน้าที่ดูแลคนไข้เพียงอย่างเดียวส่วนวิธีการรักษาและอาการเจ็บป่วยเป็นเรื่องกรมราชทัณฑ์ที่ต้องชี้แจงรวมทั้งการประเมินอาการให้รักษาต่อที่โรงพยาบาลก็เป็นเรื่องกรมราชทัณฑ์เช่นกัน ยืนยันว่าโรงพยาบาลไม่ได้ลงความเห็นว่าให้อยู่รักษาต่อเพราะอยู่ในการประเมินของกรมราชทัณฑ์ว่าจะอยู่ต่อหรือไม่อย่างไร
นายนิติธร กล่าวมองว่าที่ผ่านมากรมราชทัณฑ์มักจะอ้างเรื่องจรรยาบรรณทางการแพทย์ในการปกปิดอาการผู้ป่วยอาจทำให้เป็นช่องว่างทางกฎหมายของนักโทษรายอื่นจึงอาจจะมีการเสนอให้แก้กฎหมายเพื่อไม่ให้เกิดกับนักโทษรายอื่น เช่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตส่วนบัตรประจำตัวผู้ต้องขังกรมราชทัณฑ์ ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนเรื่องนี้หากมีการทำบัตรผู้ต้องขังจะมีประวัติอาชญากรขึ้นในระบบของราชทัณฑ์ ทั้งนี้ จะไปหารือและติดตามเรื่องนี้ที่กรมราชทัณฑ์อีกครั้ง
