เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 นำกำลังร่วมกันจับกุมนายมานบ (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี ชาวสระแก้ว ความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงเป็นเจ้าพนักงาน, ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน” ได้บริเวณหน้ากระท่อมกลางทุ่งนา หมู่บ้านเนินขาม หมู่ 11 ต.ทัพราช อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว
ก่อนจับกุมสืบสวนทราบว่านายมานบ เป็นเครือข่ายร่วมกระทำผิดในการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมบัญชีกลาง โทรหลอกลวงผู้เสียหายว่ารัฐบาลจะให้รับเงินบำเหน็จบำนาญเดือนละ 2 ครั้ง แล้วให้แอดไลน์เพื่อส่งลิงก์ให้กดดาวน์โหลดแอพพ์หน่วยงานของปลอมซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้ควบคุมโทรศัพท์ทางไกล จากนั้นหลอกให้ผู้เสียหายทำตามขั้นตอนรวมถึงหลอกให้ใส่รหัสผ่านซึ่งส่วนใหญ่มักใช้รหัสเดียวกันกับรหัสแอพพ์ธนาคาร จากนั้นมิจฉาชีพจะสนทนาเพื่อถ่วงเวลาในขณะที่กำลังโอนเงินออกจากบัญชีของผู้เสียหาย แต่ขณะนั้นผู้เสียหายสังเกตพบว่าโทรศัพท์ค้างไม่สามารถปิดเครื่องหรือดำเนินการใดๆ ได้จึงรู้ตัวและไปที่ธนาคารพบว่าเงินในบัญชีธนาคาร 2 บัญชีถูกโอนไปยังบัญชีคนร้าย 5 ครั้ง รวมประมาณ 1.2 ล้านบาท แต่เจ้าหน้าที่อายัดเงินจำนวน 960,192.72 บาทได้ทัน
จากข้อมูลของธนาคารพบว่าเงินของผู้เสียหายถูกโอนไปยังบัญชีนายมานบ 1 ครั้ง จำนวน 1,009,992.72 บาท (ถูกโอนต่อไป 40,000 บาท อายัดได้ทัน 960,192.72 บาท) และโอนไปยังบัญชีนางนพวรรณ (ผู้ต้องหาที่ 2) จำนวน 4 ครั้ง ครั้งละเกือบ 50,000 บาท จำนวน 4 ครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.2
ต่อมาผู้ต้องหาให้ความยินยอมเนื่องจากมีคนเคยจ้างให้เปิดบัญชีในราคา 1,100 บาท จึงยืนยันว่าเงินดังกล่าวไม่ใช่เงินตัวเอง และถอนคืนให้แก่ผู้เสียหายได้ จำนวน 960,192.72 บาท จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยปัจจุบันผู้ต้องหาอยู่ระหว่างการฝากขังที่ศาลจังหวัดนนทบุรี