กอ.รมน.เตรียมมอบที่ดิน’หนองวัวซอโมเดล’ ให้ประชาชนก.พ.นี้ ควบคู่เปิดศูนย์รักษ์ใจ ในพื้นที่เร่งด่วน 4 จังหวัด พร้อมส่งเสริมทหารกองประจำการต่อยอดสร้างความมั่นคงทางอาชีพล่าสุด ตร. ให้โควตา 500 อัตรา เข้าเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจ
เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่อาคารรื่นฤดี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก(ผช.ผบ.ทบ.) ในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(ผช.ผอ.รมน.) เป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ ที่มอบหมายให้ กอ.รมน. บูรณาการและขับเคลื่อนร่วมกับส่วนงานที่เกี่ยวข้อง 6 เรื่อง โดยได้มีการเชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเด็นมาร่วมประชุมหารือ พร้อมทั้งรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการ
พ.อ.หญิงนุชระวี แจ่มจํารัส รองโฆษกกอ.รมน. กล่าวว่า เรื่องแรกการบริหารจัดการคนไร้ที่พึ่ง บริเวณพื้นที่รอบเกาะรัตนโกสินทร์ ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 1 กอ.รมน. พร้อมด้วยผู้แทนจากกรุงเทพมหานคร และสำนักพัฒนาสังคม ได้ชี้แจงความคืบหน้าการดำเนินการได้มีการเปิดบ้านมิตรไมตรีธนบุรีเพื่อรองรับคนไร้ที่พึ่งให้มีที่อยู่อาศัย ซึ่งขณะนี้มีคนไร้ที่พึ่งเข้ามาอยู่อาศัยแล้วจำนวนหนึ่ง แต่เนื่องจากคนไร้ที่พึ่งบางส่วนต้องการใช้ชีวิตอิสระจึงไม่สมัครใจเข้าร่วม ซึ่ง กอ.รมน. พม. และกทม. จะลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ พร้อมขอความร่วมมือจาก NGO และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสร้างความเข้าใจกับคนกลุ่มนี้ต่อไป โดย กทม. ได้เตรียมจัดตั้งศูนย์ประสานงานคนไร้บ้านโครงการบ้านอิ่มใจ ในพื้นที่การประปานครหลวงแม้นศรี โดยจะเริ่มเตรียมการปรับปรุงพื้นที่ให้สามารถรองรับผู้ไร้ที่พึ่งได้ 200 คน และพร้อมเปิดให้บริการกลางปี 67 นี้
พ.อ.หญิงนุชระวี กล่าวว่า ถัดมาเรื่องผู้ป่วยจิตเวชที่เกี่ยวกับยาเสพติด โดยใช้ รพ.ทบ. ในการพักคอยรักษา โดยมี ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 2 กอ.รมน. และ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เข้าร่วมประชุม สำหรับผลการจัดการจัดศูนย์รักษ์ใจ สำหรับผู้ที่มีอาการทางจิตจากยาเสพติด ในพื้นที่เร่งด่วน 4 จังหวัด 5 อำเภอ โดย ป.ป.ส. ร่วมกับสาธารณสุขประจำจังหวัด, กรมแพทย์ทหารบก และโรงพยาบาลค่ายในสังกัด ทบ.จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลค่ายจักรพงษ์ จ.ปราจีนบุรี, โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิ์ประสงค์ จ.อุบลราชธานี, โรงพยาบาลค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา และโรงพยาบาลค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี ปัจจุบันได้ทำการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ในการดูแลตามกระบวนการให้เป็นไปตามมาตรฐานแล้ว จำนวน 4 รุ่น 80 นาย และอยู่ระหว่างการปรับปรุงสถานที่ จัดเตรียมอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมเปิดให้บริการห้วงเดือน ก.พ.67 นี้
พ.อ.หญิงนุชระวี กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบทหารกองประจำการแบบสมัครใจ คณะทำงานได้ดำเนินการตามนโยบายของ รมว.กห. ที่ให้ความสำคัญในการสร้างกระบวนทัศน์ของทหารกองประจำในการเป็น “2 ปี แห่งการได้รับโอกาสพัฒนาและเพิ่มศักยภาพในดำเนินชีวิตที่ดีขึ้น” ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี/ผอ.รมน. ซึ่งในขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ขับเคลื่อนดำเนินการสร้างแรงจูงใจ เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ที่สนใจสมัครเป็นทหารกองประจำการ ในโครงการทหารออนไลน์ ซึ่งจะปิดรับสมัคร 28 มกราคม 67 นี้ ควบคู่กับการพิจารณาหารือ ปรับระเบียบ และเพิ่มเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจมาสมัครเป็นทหารกองประจำการเพิ่มมากขึ้น อาทิ เปิดโอกาสให้ทหารกองหนุน ประเภทที่ 1 ที่มีอายุไม่เกิน 30 ปี สมัครเป็นทหารกองประจำการ, กรณีผู้ร้องขอในห้วงตรวจเลือกทหาร สามารถเลือกเหล่าทัพและหน่วยทหารที่จะเข้าประจำการได้ เป็นต้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ในส่วนของการส่งเสริมทหารกองประจำการต่อยอดสร้างความมั่นคงอาชีพนั้น ล่าสุด ตร. ให้โควตาทหารกองประจำการต่อยอดสู่การเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจจำนวน 500 อัตรา รับการฝึก 6 เดือน เพื่อเข้าบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจต่อไป กำหนดเริ่ม ก.ย.67 นี้ นอกจากนี้จะขยายกรอบความร่วมมือในการสร้างความมั่งคงทางอาชีพให้กับทหารกองประจำการกับกระทรวงต่างๆ อาทิ อาสาสมัครฯ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สังกัดกระทรวงมหาดไทย, พนักงานราชการ กรมป่าไม้/กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
พ.อ.หญิงนุชระวี กล่าวว่า ส่วนเรื่องการบริหารจัดการที่ดินในความดูแลของกองทัพให้ประชาชนใช้ประโยชน์ การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ไม่ท่วม ไม่แล้ง และการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยมี ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กอ.รมน. ร่วมกับ กรมธนารักษ์ ผู้แทนเหล่าทัพ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) และกรมการทหารช่าง ร่วมชี้แจงความคืบหน้า
‘ปัจจุบัน โครงการ หนองวัวซอโมเดล พื้นที่ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ที่อยู่ในความดูแลของ ทบ. มีประชาชนชำระเงินค่าเช่าตามระเบียบการเช่าที่ราชพัสดุแล้ว รวม 433 ราย แบ่งออกเป็น เพื่อที่อยู่อาศัย 104 แปลง เพื่อการเกษตร 474 แปลง รวม 578 แปลง โดยมีกำหนดเชิญนายกรัฐมนตรี/ผอ.รมน. เป็นประธานในพิธีมอบสัญญาเช่า ในห้วงกลางเดือน กุมภาพันธ์67 นี้ สำหรับในพื้นที่บ้านพุลาด และบ้านแก่งประลอม ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค ที่อยู่ในความดูแลของ กองทัพไทย รวมพื้นที่ จำนวน 2,178 ไร่เศษ มีกำหนดมอบสัญญาเช่าฯ ภายในเดือน กุมภาพันธ์ 67 เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ พื้นที่ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ที่อยู่ในความดูแลของกองทัพเรือ และ พื้นที่ อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม อยู่ในความดูแลของกองทัพอากาศมีกำหนดในการจัดกิจกรรมมอบสัญญาเช่าในห้วงถัดมา’พ.อ.หญิงนุชระวี กล่าว
พ.อ.หญิงนุชระวี กล่าวว่า ในขณะเดียวกันการช่วยเหลือประชาชนตามนโยบาย ไม่ท่วม ไม่แล้ง กอ.รมน. ได้ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) มูลนิธิอุทกพัฒน์ในพระบรมราชูถัมภ์ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) และกรมการทหารช่าง (กช.) ขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวเป็นการเร่งด่วน โดย นทพ. ร่วมกับ กอ.รมน.จังหวัด ได้เข้าสำรวจพื้นที่เป้าหมายร่วมกับฝ่ายปกครอง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชน กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยให้ความสำคัญกับน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และน้ำสำหรับปัจจัยในการผลิตด้านการเกษตรที่จะเกิดผลกระทบในห้วงภัยแล้ง ปี 2567 ขั้นต้นในพื้นที่เป้าหมาย 8 จังหวัด 71 โครงการ ประกอบด้วย ตราด จันทบุรี อุทัยธานี อุดรธานี น่าน เชียงใหม่ มหาสารคาม และร้อยเอ็ด โดยส่วนที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันพิจารณาความเหมาะสมและความไม่ซ้ำซ้อนของโครงการ พร้อมเสนอขอความเห็นชอบจาก ผอ.รมน. ในการขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อดำเนินโครงการขับเคลื่อนนโยบาย “ไม่ท่วม ไม่แล้ง” ด้วยกลไกความมั่นคงต่อไป
พ.อ.หญิงนุชระวี กล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ปี2567 นรม./ผอ.รมน. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการฯ และรับมอบภารกิจ กอ.รมน. ได้ดำเนินการหารือร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ เพื่อบูรณาการการปฏิบัติแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการดับไฟป่าภาค 3 ซึ่งในขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณ สนับสนุนการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่านกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อขับเคลื่อนแนวทางการ การบูรณาการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศด้วยกลไกด้านความมั่นคง ให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างยั่งยืน
ในโอกาสนี้ พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ได้กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลได้สำเร็จได้ตามวัตถุประสงค์ ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในด้านต่างๆ รวมถึงเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ ทั้งในการดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ รายได้ เศรษฐกิจปากท้อง และการสร้างความมั่นคงทางอาชีพ ร่วมกันขับเคลื่อนประเทศให้พัฒนาไปข้างหน้าอย่างมีขั้นตอนอันจะก่อให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนได้อย่างแท้จริง