อิสราเอลถล่มราฟาห์ ไม่สนชะตาผู้อพยพนับล้าน มะกันยันไม่สนับหนุน
กองกำลังอิสราเอลได้ทิ้งระเบิดในพื้นที่ต่างๆ ในเมืองราฟาห์ ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนทางตอนใต้ของฉนวนกาซา เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แม้ว่าเมืองดังกล่าวจะเป็นที่ที่ชาวกาซานมากกว่าครึ่งหนึ่ง หรือมากกว่าหนึ่งล้านคนใช้เป็นที่หลบภัยอยู่ในขณะนี้ก็ตาม
เครื่องบินของอิสราเอลได้ทิ้งระเบิดลงใส่หลายพื้นที่ของเมืองราฟาห์ในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งชาวบ้านระบุว่าทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 รายจากการโจมตีบ้านสองหลัง ขณะที่รถถังอิสราเอลยังได้ระดมยิงพื้นที่ทางตะวันออกของเมืองราฟาห์ไปพร้อมๆ กัน ทำให้เกิดความหวั่นวิตกว่าการปฎิบัติการโจมตีภาคพื้นดินของอิสราเอลกำลังจะเกิดขึ้นตามมา
อิสราเอลระบุว่ากำลังดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือน พร้อมกล่าวหาว่ากลุ่มติดอาวุธฮามาสได้ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางพลเรือน รวมถึงในโรงเรียน สถานที่พักพิง และในโรงพยาบาล ซึ่งฮามาสออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว
นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า ปฏิบัติการของอิสราเอลในราฟาห์โดยไม่คำนึงถึงชะตากรรมของพลเรือนถือเป็นหายนะ และย้ำว่าสหรัฐไม่สนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว
หนึ่งวันก่อนหน้าการทิ้งระเบิดถล่มราฟาห์ของอิสราเอล นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐซึ่งยังคงอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นครั้งที่ 5 นับตั้งแต่ปฏิบัติการโจมตีของกลุ่มฮามาสในวันที่ 7 ตุลาคมปีก่อน วิพากษ์วิจารณ์กิจกรรมทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซาว่า การเสียชีวิตของพลเรือนยังคงมากเกินไปแม้จะได้รับคำเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า และว่าปฏิบัติการทางทหารใดๆ จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับพลเรือนเป็นลำดับแรก โดยเฉพาะในกรณีของราฟาห์เนื่องจากมีผู้พลัดถิ่นมากกว่าล้านคน
อย่างไรก็ดีนักวิจารณ์ระบุว่าสหรัฐไม่ได้พยายามดำเนินการใดๆ ที่จะสร้างความกดดันให้กับอิสราเอล อาทิ การจำกัดความช่วยเหลือทางทหารหรือเปลี่ยนท่าทีในการสนับสนุนพันธมิตรของตน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้อิสราเอลไม่ต้องรับโทษกับเรื่องที่ได้ทำลงไป