ขอเรียนว่าบทความนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับกลุ่มก่อการร้ายทุกกลุ่มนะครับ เหตุผลเพราะในการเตือนภัยการก่อการร้ายรอบแรกนั้นตามมาด้วยการเกิดเหตุที่ราชประสงค์ เตือนภัยอีกครั้งสัปดาห์ก่อนก็ตามด้วยเหตุก่อการร้ายของกลุ่ม IS ในอินโดนีเซีย ก็หวังว่าคงจะไม่มีอะไรต่อไปหลังบทความนี้
ก่อนจะไปถึงกรณีอินโดนีเซียขอยกคำให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีที่ว่า ไม่มีที่ไหนในโลกปลอดภัย ไทยไม่ใช่คู่กรณีและอย่าสร้างเงื่อนไข แต่ต้องเตรียมการเต็มที่ ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายที่ชัดเจนไม่กำกวมเป็นครั้งแรก และน่าจะทำให้หน่วยงานต่างๆทั้งปกติและทางลับทำงานกันอย่างเต็มที่ ทั้งการร่วมมือกับต่างประเทศและประชาชนภายในประเทศดังที่เคยนำเสนอไปแล้ว
บทเรียนจากอินโดนีเซีย มองอย่างหยาบๆคือการใช้คนในพื้นที่ซึ่งเลื่อมใสในความโด่งดังและดึงดูดใจของ IS ให้ลงมือ ระดับความรุนแรงถึงขนาดระเบิดพลีชีพ ทักษะอาวุธ วัตถุระเบิด ยังเป็นระดับพื้นที่อยู่ แต่การควบคุมและสั่งการนั้นมาจากซีเรียโดยตรง โดยมีผู้ให้การสนับสนุนอยู่จำนวนหนึ่ง เป้าหมายการจัดตั้งรัฐอิสลามเป็นวงในพื้นที่ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ที่มีการประกาศไปที่เกาะด้านใต้ และมาเลเซีย เป็นเป้าต่อไปรวมถึงบรูไนและอาจมีบางส่วนของกัมพูชาด้วย โดยเมื่อเกิดการขยายตัวตามนี้อย่างน่าพอใจแล้ว ก็เชื่อว่าจะมีโอกาสทำให้ลุกลามมายังด้านใต้ของประเทศไทยได้อย่างแน่นอน
แม้ว่าอนาคตของ IS ยังอีกไกล แต่การขยายความรุนแรงและโหดร้ายออกไป เป็นสิ่งที่กระทำได้ไม่ยากและง่ายกว่าการจะมีรัฐอิสลามจริงๆเสียด้วยซ้ำ ดังนั้น แม้ว่ารัฐบาลจะบอกว่าไม่ควรเข้าไปเป็นคู่กรณี การเตรียมการให้แข็งแรงก็คงยังมีความจำเป็น และอาจไม่ใช่เรื่องการคัดกรองนักเดินทางเข้าประเทศเท่านั้น การเฝ้าตรวจและเข้าถึงผู้ที่อาจถูกชักชวนให้ใช้ความรุนแรงในประเทศไทยเองก็มีความจำเป็นเพื่อไม่ให้มีผู้ก่อเหตุที่เป็นคนของประเทศนั้นๆเองกระทำขึ้นที่เรียกกันว่า lone wolf หรือ black swan เกิดขึ้นได้ ซึ่งเป็นความประสงค์ของบทความในวันนี้
อันดับแรกคือระดับความเชื่อ อุดมการณ์ ซึ่งจะเป็นการเผยแพร่ผ่านสื่ออินเตอร์เนท โดยใช้ภาษาอาหรับ ก็ต้องถามตัวเราเองว่ามีทักษะด้านภาษาเพียงพอหรือไม่ มีจำนวนผู้เข้าไปรับข้อมูลเพื่อศึกษาแนวทางเคลื่อนไหวในไทยเพียงพอหรือไม่ สิ่งนี้ไม่อาจระบุได้ เพียงแต่เป็นเงื่อนไขแรกที่จะรู้ว่า เด็กและเยาวชนของเราที่อาจมีความคึกคะนอง อยากแสดงออกหรือเป็นผู้ต้องการแสดงแก่คนอื่นว่าคนเก็บตัวอย่างเขามีความหมาย โดยที่ปกติแล้ว พ่อ แม่ จะไม่ทราบการล้างสมองต่อลูกหลานของตนเลย ตอนนี้เรามีข้อมูลเรื่องนี้แล้วและเพียงพอหรือยัง เป็นประการแรกเพื่อกำหนดเป็นเป้าหมาย
ประการที่สอง หน่วยงานความมั่นคงทั้งหลายที่มีศักยภาพ นอกจากทำหน้าที่ด้านรวบรวมข่าวสาร ความเคลื่อนไหวต่างๆแล้ว หน้าที่สำคัญที่ในขณะนี้น่าจะยังไม่มีใครมอบหมายอย่างจริงจังก็คือ การสร้างชุดคำสอนต่อต้านการชักชวนของฝ่ายหัวรุนแรง ซึ่งเห็นนักวิชาการมุสลิมทั้งไทยและต่างประเทศได้มีการจัดทำออกมาบ้างแล้ว สงสัยแต่ว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงและสายลับตลอดจนหน่วยงานทางยุทธศาสตร์ของไทยที่มีหน้าที่วางแผนต่อสู้กับการก่อการร้ายนี้ได้มีการรวบรวมอย่างจริงจังเพื่อจะได้นำเอามาใช้อย่างกว้างขวางแล้วหรือยัง การต่อต้านความเชื่อนี้ ต้องอาศัยสื่อมากมายที่ต้องทำความเข้าใจ ต้องร่วมกันศึกษาข้อเท็จจริงตามพระคัมภีร์และทำการเผยแพร่สองด้านคือ ด้านแรกให้กับคนไทยทั่วไปได้รับทราบศาสนาอิสลามที่แท้จริงว่ามีคำสอนอย่างไร ทั้งนี้ห้ามการบิดเบือนแม้แต่เล็กน้อยเป็นอันขาด ดังเช่นกรณีบอกว่าการฆ่าคนต่างศาสนาหรือเผาสถานที่ทางศาสนาของศาสนิกอื่นไม่บาปนั้นผิดศีลแน่ๆ กรณีแบบนี้ต้องห้ามในการนำมาใช้ เพราะจะกลายเป็นโฆษณาชวนเชื่อที่ไม่มีแก่นสารที่เป็นความจริง เมื่อถูกโต้แย้งไม่ช้าก็จะไม่มีความน่าเชื่อถือไปอย่างน่าเสียดาย ส่วนอีกด้านหนึ่งคือพี่น้องชาวมุสลิมนั่นเองที่ต้องอาศัยครูสอนศาสนาสายกลางที่เคร่งครัดคัมภีร์เองเป็นผู้เผยแพร่ รัฐต้องให้การสนับสนุนเพื่อสันติสุขของคนทั้งประเทศ
ประการที่สาม ผู้เข้าร่วมทำการก่อการร้ายมักเป็นผู้ที่มีความเป็นผู้นำดังนั้นจึงมีบุคลิกดี อาจเรียนเก่ง กีฬาดี ฝ่ายความมั่นคงต้องไม่มองข้าม และรีบที่จะนำเด็กและเยาวชนเหล่านี้ให้มีความเชื่อที่ไม่รุนแรง มีเรื่องน่าสนใจในชีวิตมากกว่าการจับอาวุธ ประการสำคัญที่สุดในเรื่องความขัดแย้งคือ ต้องไม่ทำให้รู้สึกว่าเป็นส่วนเกินของสังคม ไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกกลั่นแกล้งหรือมีปมด้อยในเรื่องศาสนาและชาติพันธุ์ หรือกลุ่มของตนถูกเอาเปรียบทางการทำมาหากินจนลำบาก ยากแค้น ซึ่งล้วนเป็นสาเหตุการจับอาวุธได้ทั้งสิ้น
ประการที่สี่ สืบเนื่องจากหน้าที่ของประชาชนและเจ้าหน้าที่ซึ่งเคยกล่าวไปแล้ว ต้องจัดกิจกรรมที่ชุมชนได้รับการยอมรับและชอบธรรมที่จะเข้าถึงแต่ละครอบครัวเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กและเยาวชนของตน ดังนั้นเป้าหมายเด็กและเยาวชนเหล่านี้ต้องอยู่ในมือแล้วในตอนนี้ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ได้รับความรู้เรื่องศาสนาอิสลามและการอบรมเรื่องคำสอนที่ถูกต้องอย่างเข้มข้น เพื่อไม่ให้เผลอกระทำผิดและพอที่จะตอบโต้ในหลักศาสนาได้บ้าง รวมถึงการมีขบวนการขับเคลื่อนของกลุ่มเด็กและเยาวชนที่จะช่วยกันดูแลเพื่อนๆในชุมชนเอง
ประการที่ห้า การจะขับเคลื่อนด้วยชุมชนและท้องถิ่นดังกล่าวข้างต้น จะต้องมีเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายที่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุดคือ ตำรวจชุมชนสัมพันธ์ที่จะต้องมีการอบรมกันเป็นพิเศษ เพราะจะเป็นผู้เข้าดำเนินการกับชุมชนต่างๆอย่างรอบคอบ สร้างความไว้วางใจระหว่างประชาชนกับตำรวจ ความสำเร็จจึงจะเกิดขึ้นได้
ประการสุดท้ายคือ เชื่อมระบบข้อมูลอัตโนมัติกับต่างประเทศ พันธมิตรและหน่วยงานต่อต้านการก่อการร้ายในระดับโลกในเรื่องบุคคลที่มีหมายจับ บุคคลที่ได้รับรายงานว่าเข้าร่วมกับกลุ่มหัวรุนแรง บุคคลที่ให้การสนับสนุนหรือช่วยเหลือ และทำการตรวจสอบย้อนหลังผู้เข้าเมืองทั้งหมดอย่างกว้างขวางเพื่อค้นหาผู้หลบซ่อนหรือเตรียมการก่อเหตุหากมี
ต้องเข้าใจว่าการก่อการร้ายยุคใหม่นี้ ไม่ใช่การปฏิบัติในสมัยสงครามเย็น สังคมของผู้ก่อการร้ายในด้านเทคโนโลยียกระดับไปแล้วเป็นระบบดิจิตอล หากเราเตรียมการกันแบบอานาล็อก ก็จูนหาผู้ก่อการร้ายไม่ติด ซึ่งก็คงหมายถึงอันตรายหรือความเสี่ยงที่อาจสูงขึ้นสำหรับประชาชน
เราคงต้องการสายลับที่เข้าถึงกลุ่มหัวรุนแรงนี้ เราคงต้องการข้อมูลที่ถูกต้องว่ากลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆเดินทางเข้าออกประเทศไทยอย่างไร มาพบใครหรือใช้การติดต่อผ่านคอมพิวเตอร์ มาถึงเป้าหมายได้อย่างไร เป็นเบื้องต้นให้ได้ เรื่องอื่นๆจึงจะตามมาได้ในที่สุด
ในส่วนหนึ่งก็อาจบอกกับคนไทยด้วยกันในทำนองมิให้เสียขวัญหรือตกใจจนเกินเหตุด้วยการจัดให้มีการออกตรวจพื้นที่ให้เห็นเช่นกรณีตำรวจท่องเที่ยวไปออกตรวจตราย่านสุขุมวิท แต่ทางหนึ่งคือการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเพื่อเข้าถึงการติดต่อของกลุ่มก่อการร้าย โดยที่เครื่องมือที่มีอานุภาพมากที่สุดคือความเชื่อที่ถูกต้องทางศาสนา ที่คนไทยทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้หรือเข้าใจศาสนาอิสลามให้ถ่องแท้มากขึ้น
การก่อการร้ายสามารถเกิดได้ทุกที่ ประเทศไทยเป็นประเทศเปิด กลุ่มที่อาจเป็นเป้าหมายหรือแม้แต่คนไทยเองก็อาจเป็นเป้าหมายเพียงเพื่อแสดงสัญลักษณ์อิทธิพลของกลุ่ม IS ในภูมิภาคนี้ หลักฐานการทำงานของกลุ่มก่อการร้ายในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์แสดงชัดเจนว่าได้เข้ามาในภูมิภาคนี้แล้ว การเตรียมการอย่างจริงจังและได้สัดส่วนระดับเดียวกันกับกลุ่มก่อการร้ายจึงจำเป็นอย่างยิ่ง และสิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือ เปลี่ยนทัศนคติในการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั่นเองว่า นี่คือศตวรรษที่ ๒๑ แล้ว